ประชากรในประเทศไทยกำลังเผชิญภาวะที่มีจำนวนการเกิดลดลง ขณะที่จำนวนการตายกลับพุ่งสูงขึ้นติดต่อกันนานกว่า10 ปี โดยตั้งแต่ปี 2564 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการตายมากกว่าเกิดเป็นครั้งแรก สถานการณ์ดังกล่าวทำให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า ประชากรไทยจะลดลงถึงครึ่งหนึ่งในอีก 60 ปีข้างหน้า
![](https://kinyupen.co/wp-content/uploads/2024/01/business-people-rush-hour-walking-commuting-city-concept-951x1024.jpg)
ข้อมูลจากสำนักทะเบียนกลาง กระทรวงมหาดไทย ระบุว่า ณ สิ้นปี 2565 ประเทศไทยมีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 66,090,475 คน เป็นสัญชาติไทย 65,106,481 คน เป็นผู้หญิงมากกว่าชาย โดยประชากรชาย 31,755,072 คน หญิง 33,351,449 คน และประชากรที่ไม่ได้สัญชาติไทยอีก 983,994 คน แบ่งเป็นชาย 515,583 คน และหญิง 468,411 คน
![](https://kinyupen.co/wp-content/uploads/2024/01/faceless-mother-with-naked-baby-infant-holding-mommy-s-finger-mum-spending-time-with-her-tiny-child-light-background_176532-13966.jpg)
แต่หากพิจารณาจากสถิติประชากรไทย จะพบว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อัตราการเกิดมีแนวโน้มปรับลดลงเรื่อย ๆ ในทางกลับกัน อัตราการตายกลับเพิ่มขึ้นทุกปี โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ( ปี 2557-2566 ) พบว่า จำนวนเด็กเกิดใหม่มีทิศทางลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากเดิมในปี 2557 มีจำนวนมากกว่า 7 แสนคน ลดเหลือเพียง 517,934 คนในปี 2566 สวนทางกับยอดคนตาย ที่พุ่งสูงขึ้นมากกว่า 1 แสนคนในรอบ 10 ปี
โดยข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 ประชากรไทยมีจำนวนคนเกิด 517,934 คน ขณะที่มีจำนวนคนตายถึง 565,965 คน ซึ่งมากกว่าคนเกิดอยู่ที่ 48,058 คน และเมื่อพิจารณาจำนวนประชากรไทยทั้งหมด 66.09 ล้านคน พบว่า มีอัตราการเกิดอยู่ที่ 7.8 และอัตราการตายเท่ากับ 8.6 ต่อประชากร 1,000 คน
![](https://kinyupen.co/wp-content/uploads/2024/01/covid-19-tracking-public-place_53876-96939-1024x682.jpg)
จากสถิติดังกล่าว ถือเป็นปรากฎการณ์การลดลงของประชากร (Depopulation) สาเหตุหลักก็คงคาดเดาได้ไม่ยากว่า คนไม่อยากมีลูก น่าจะเป็นผลจากสภาพเศรษฐกิจที่มีผลต่อการดำรงชีวิต การมีบุตรเป็นภาระที่หนักขึ้น มีผลต่อค่านิยมทางสังคม อาทิ การมีงานทำของสตรีที่มีจำนวนและอัตราที่สูงขึ้น อายุแรกสมรสของคู่สมรสที่มีแนวโน้มสูงขึ้น หมายถึงสมรสเมื่ออายุมากขึ้น การที่สตรีไทยมีบุตรคนแรกในวัยที่สูงกว่าในอดีต ตามด้วยแนวโน้มของการเป็นโสดที่เพิ่มมากขึ้น หรือแม้กระทั่งการใช้ชีวิตโดยไม่อยากมีบุตรเป็นภาระ
![](https://kinyupen.co/wp-content/uploads/2024/01/silhouettes-tourists-walking-through-old-town-generated-by-ai_188544-22671-1024x585.jpg)
ดร. เกื้อ วงศ์บุญสิน ศาสตราจารย์เชี่ยวชาญด้านประชากรศาสตร์ ให้ความเห็นว่า ใน 60 ปีข้างหน้าประชากรไทยจะลดลงจาก 66 ล้านคน เหลือเพียง 33 ล้านคน โดยคาดว่า ในปี 2626 จำนวนประชากรวัยแรงงาน (15-64 ปี) จะลดลงจาก 46 ล้านคน เหลือเพียง 14 ล้านคน จำนวนประชากรวัยเด็ก (0-14 ปี) จะลดลงจาก 10 ล้านคน เหลือเพียง 1 ล้านคน ขณะที่คนสูงวัย 65+ เพิ่มขึ้นจาก 8 ล้านคน เป็น 18 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 50 ของประชากรทั้งประเทศ
หากเป็นไปตามแนวโน้มเช่นนี้ อนาคตของประเทศไทยน่าจะอยู่ในภาวะลำบาก มีคนแก่เต็มเมือง เหมือนที่ญี่ปุ่นประสบอยู่ในขณะนี้ ที่น่าหนักใจคือ คนวัยทำงานที่เป็นกำลังสำคัญ ในฐานะผู้จ่ายภาษีให้กับประเทศ กลับลดลงเหลือไม่ถึง 1 ใน 3 ของปัจจุบัน สะท้อนภาวะรายได้ลดลง ไม่สัมพันธ์กับรายจ่ายที่จะต้องจัดหามาดูแลประชากรผู้สูงวัย
รัฐบาล โดยเฉพาะหน่วยงานหลัก คือ กระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ดูแลการจัดเก็บรายได้ และกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะผู้ดูแลให้มีประชากรเกิดใหม่เพิ่มขึ้นให้แซงหน้าประชากรเสียชีวิต
เร่งแก้ปัญหาโดยด่วน!!