ทุกวันที่ 20 เมษายน คือ “วันกัญชาโลก” จะมีรหัสลับ 420 ซึ่งเป็นทีรู้กันดีว่า นี่คือ ตัวเลขแห่งการเฉลิมฉลองของเหล่าสายเขียวผู้นิยมกัญชา ตัวเลขนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร ทำไมตัวเลข 420 ถึงกลายมาเป็นวันและเวลาแห่งการเฉลิมฉลองในการสูบกัญชาที่แพร่หลายไปทั่วโลก วันนี้ กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิต ขอนำเกร็ดน่ารู้มาแชร์ให้ทราบกัน
รหัสลับ 420 มีจุดเริ่มต้นจากเรื่องราวของ 5 เด็กหนุ่ม ม.ปลาย แห่งโรงเรียนซานราเฟล รัฐแคลิฟอร์เนีย ได้แก่ สตีฟ แคปเปอร์, เดฟ เรดดิซ, เจฟฟี่ โนเอล, ลาลี่ ชวาทซ์, และมาร์ก กราวิช ภายใต้ชื่อ The Waldos ที่มุ่งมั่นจะแสวงหาพืชกัญชาในตำนานที่ซ่อนอยู่ใกล้กับ POINT REYRES จึงตกลงที่จะนัดพบกันที่รูปปั้น หลุยส์ ปาสเตอร์ ทุกวันเวลา 4.20 PM หรือ 16.20 น. ตามเวลาประเทศไทย เพื่อสูบกัญชาและการเริ่มต้นแสวงหากัญชาในตำนานของพวกเขาที่นัดพบกันในเวลา 04.20 น.
แม้สุดท้ายภารกิจที่ตั้งใจจะล้มเหลว แต่วีรกรรมของ 5 เด็กหนุ่มก็ถูกยกย่องให้เป็นตำนาน และโค้ดลับ 420 ก็ได้กลายมาเป็นรหัสที่วัยรุ่นใช้สื่อสารกันเพื่อเสพกัญชาอย่างแพร่หลายในแคลิฟอร์เนีย ก่อนกระจายไปทั่วสหรัฐอเมริกาในเวลาไม่นานและต่อมาเมื่อหนึ่งในสมาชิกของ The Waldos พูดถึงรหัสนี้กับเพื่อนที่เป็นสมาชิกในวงดนตรีร็อคสัญชาติอเมริกัน The Gratful Dead ก็ได้นำตัวเลข 420 ไปอยู่ในใบปลิวคอนเสิร์ตของ The Gratful Dead จนกระทั่ง Steve Bloom บรรณาธิการของนิตยสาร High Time ก็ได้เห็นเรื่องราวของ 420 ในใบปลิวนั้นและเริ่มนำคำว่า 420 มาใช้ในนิตยสารและช่วยเผยแพร่ไปทั่วโลก
เมื่อเข้าสู่ยุค Green Rush ยุคแห่งการขับเคลื่อนให้กัญชาถูกกฎหมาย จากกิจกรรมที่มีการรวมตัวกัน เฉลิมฉลองในการสูบกัญชาเพียงอย่างเดียวถูกยกระดับขึ้นมาเป็นการเคลื่อนไหวเรียกร้อง หรือทำกิจกรรมต่างๆที่เกี่ยวข้องกับกัญชา ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้รหัส 420 และ วันที่ 20 เมษายน ของทุกปีจึงกลายมาเป็น “วันกัญชาโลก” และ สัญลักษณ์ของความอิสรเสรี มีการรวมตัวกันในที่สาธารณะ และจุดไฟเสพกัญชาพร้อมกันในเวลา 04.20 น. กลายเป็นที่มาของงานเฉลิมฉลองที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในหลายเมืองทั่วโลกในที่สุด
สำหรับประเทศไทยเองก็ไม่ตกเทรนด์วันนี้ (20 เม.ย.2566) ก็มีการประกาศจัดงาน งาน khaosan420 เพื่อรวมตัวชาวสายเขียวมาร่วมสูบบ้องบริเวณถนนข้าวสาร ถนนรามบุตรี และจะมีการรวมตัวเดินขบวนพาเหรดด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามงานนี้ก็มีกระแสคัดค้านจากหลายฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยเช่นกัน อาทิ สมาคมนักวิจัยแห่งประเทศไทย เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย แม้กระทั่งพรรคภูมิใจไทย ที่มีส่วนในการปลดล็อกเรื่องกัญชาในประเทศไทยและยังคงพยายามผลักดันเรื่อง กม.กัญชาเสรี มาตลอด ก็ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยเช่นกัน เพราะมองว่าอยากกระทบความรู้สึกของสังคมเกี่ยวกับการสูบกัญชาในที่สาธารณะและอาจทำให้ประโยชน์ของกัญชาในด้านสุขภาพถูกมองข้ามไปและบิดเบี้ยวไป
คงต้องรอดูต่อไปว่าสุดท้ายแล้ว เรื่องกัญชาแบบไทยๆ จะจบลงอย่างไร หรือ สุดท้ายแล้วจะเข้าทำนองให้บ้องแก่ท่าน บ้องนั้นคืนสนอง ก็ไม่รู้ซินะ…