คณะกรรมาธิการด้านสุขภาพแห่งชาติของจีน (National Health Commission: NHC) ประกาศว่า ทางการจีนจะยกเลิกมาตรการกักตัวผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.2566 หลังจากที่มีการบังคับใช้มานาน 3 ปีเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 นอกจากนี้ยังผ่อนคลายมาตรการจัดการเกี่ยวกับโควิด-19 จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ Category A ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันขั้นสูงสุด สู่ระดับ Category B ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์โควิดโดยรวมของโลก และศักยภาพการบริการหลาย ๆ ด้าน
คาดว่าการเปิดประเทศของจีนเต็มรูปแบบทั้งขาเข้าและขาออก จะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวของไทย หลังข้อมูลจาก Trip.com Group ระบุว่า ไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับ 2 ของชาวจีน โดยพบว่าจุดหมายปลายทางยอดนิยม 10 อันดับของชาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่ต้องการเดินทางไปยังประเทศหรือเมืองทันที ได้แก่ ญี่ปุ่น ไทย เกาหลีใต้ สหรัฐ สิงคโปร์ มาเลเซีย ออสเตรเลีย อังกฤษ มาเก๊า และฮ่องกง
แผนการเปิดประเทศส่งผลบวกกับการท่องเที่ยวทั่วโลก
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า แผนการเปิดประเทศของรัฐบาลจีนที่ประกาศออกมานั้นถือว่าเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ จากเดิม ททท.คาดการณ์ว่าน่าจะมีนโยบายเปิดประเทศที่ชัดเจนในช่วงไตรมาส 1 และจะเห็นภาพการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนในช่วงต้นไตรมาส 2 ซึ่งเป็นช่วงของการเปลี่ยนตารางฤดูร้อน และถือว่าเป็นการผ่อนคลายมาตรการระดับประเทศเป็นครั้งแรก หลังจากที่ใช้มาตรการคุมเข้ม หรือ Zero COVID มานานเกือบ 3 ปีเต็ม นับว่าเป็นปัจจัยบวกอย่างมากสำหรับภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยและทั่วโลก
โดยสำนักงาน ททท.ทั้ง 5 แห่งในจีน ได้ติดตามสถานการณ์ พร้อมทั้งวางแผนทำการตลาดมาเป็นระยะ รวมถึงร่วมกับแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือ OTA ของจีน ทำการขายล่วงหน้ารอเปิดประเทศไปบ้างแล้ว จึงเชื่อว่าทันทีที่คนจีนออกนอกประเทศได้ ไทยจะเป็นหนึ่งเดสติเนชั่นสำคัญแน่นอน
นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. กล่าวว่าแผนการเปิดประเทศของจีนที่ออกมายังระบุเพียงว่า า จีนมีนโยบายเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ยังไม่ได้เปิดให้คนจีนเดินทางออกนอกประเทศเพื่อการท่องเที่ยว ยกเว้นกลุ่มนักเรียน นักธุรกิจ กลุ่มเดินทางเพื่อเยี่ยมญาติ รวมถึงกลุ่มรักษาพยาบาล แต่ถือเป็นแนวโน้มที่ดีว่าทางการจีนจะทยอยผ่อนคลายมาตรการเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งกลับสู่ภาวะปกติต่อไป
การเปิดประเทศของจีนแบบ step by step ส่งสัญญาณไปยังผู้ประกอบการภาคเอกชนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็คาดหวังว่าจีนจะเปิดให้คนเดินทางออกนอกประเทศเพื่อการท่องเที่ยวได้ในช่วงตรุษจีน (22 มกราคม 2566) ซึ่ง ประเมินว่าจะเริ่มเห็นภาพการเดินทางออกนอกประเทศของคนจีนบางกลุ่มในช่วงตรุษจีน 2566 และชัดเจนยิ่งขึ้นในช่วงไตรมาส 2 โดยคาดว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนในปี 2566 จะกลับมาได้ประมาณ 5-6 ล้านคน
เพิ่มเที่ยวบินครั้งใหญ่รองรับนักท่องเที่ยว
นายโทนี่ เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มแอร์เอเชีย กล่าวว่า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงที่สายการบินต้องเอาตัวรอด และปี 2565 ถึงต้นปี 2566 จะเป็นช่วงที่ฟื้นฟูให้กลับมาอีกครั้ง หากตลาดจีนเปิดก็จะเป็นการเพิ่มปริมาณผู้โดยสารครั้งใหญ่แก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว และเชื่อว่าธุรกิจจะกลับมาเติบโตในช่วงครึ่งหลังของปี 2566
สอดคล้องกับ นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) และสายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า การเปิดประเทศของจีนคือตัวเเปรสำคัญในการฟื้นตัวของภาคการบินและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย คาดว่าภายในไตรมาส 1/66 จีนจะมีการพิจารณานโยบายจำกัดโควตาเที่ยวบินเข้าประเทศ ซึ่งสายการบินไทยแอร์เอเชียมีความพร้อมเพียงพอต่อการขยายเส้นทาง เพิ่มความถี่ รวมถึงพร้อมรองรับการเปิดประเทศของจีน
ปัจจุบันไทยแอร์เอเชียทำการบินเส้นทางประเทศจีน 2 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ คือ เส้นทางกรุงเทพฯ (ดอนเมือง)-เสิ่นเจิ้น และกรุงเทพฯ (ดอนเมือง)-หางโจว ซึ่งเป็นเหมือนการอุ่นเครื่องของรัฐบาลจีน เพื่อศึกษาทิศทางการเปิดประเทศ
นายวรเนติ หล้าพระบาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยเวียตเจ็ท กล่าวว่า ปัจจัยบวกธุรกิจการบินในปี 2566 คือการเปิดประเทศของจีน ซึ่งคาดว่าการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ จะชัดเจนขึ้นในไตรมาสที่ 2/2566
หากทางการจีนอนุญาตให้ทำการบินแล้ว สายการบินมีแผนทำการบินสู่เมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน เมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน และเมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียงก่อน เนื่องจากมีการพูดคุยกับหุ้นส่วนทางธุรกิจไว้บ้างแล้ว จากนั้นจึงจะขยายเส้นทางบินไปยังเมืองอื่น ๆ ต่อไป นายปิ่นยศ พิบูลสงคราม ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ สายการบินไทยเวียตเจ็ท กล่าวเพิ่มเติม
ด้าน นายพาที สารสิน อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนกแอร์ กล่าวว่า การขยับตัวของจีน ทำให้ทั่วโลกต่างจับตามอง การประกาศผ่อนคลายมาตรการครั้งนี้ มีความหมายอย่างยิ่งต่อภาคการท่องเที่ยวไทย สิ่งที่น่าติดตามต่อจากนี้คือผู้ประกอบการจะวางกลยุทธ์ดึงดูดหรือรับมือตลาดจีนเช่นไร
ธุรกิจโรงแรมฟื้นตัว
นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) กล่าวว่า ภาพรวมการท่องเที่ยวไทยในปี 2566 ยังมีโอกาสให้ฟื้นตัวอีกมาก เนื่องจากปัจจุบันภาคการท่องเที่ยวไทยกำลังฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำ การเปิดประเทศของจีนจะเป็นปัจจัยบวกสำคัญของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เมื่อนักท่องเที่ยวจีนกลับมา จะทำให้โรงแรมฟื้นตัวดีขึ้นในทุกระดับ โดยเฉพาะโรงแรมขนาดเล็กที่พึ่งพาตลาดจีน
การผ่อนคลายมาตรการด้านสาธารณสุขของทางการจีน ถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อภาคการท่องเที่ยวเกาะสมุย นายรัชชพร พูลสวัสดิ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย ประเมินว่านักท่องเที่ยวจีนจะเกิดกระแสการท่องเที่ยวแบบล้างแค้น เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวชาติอื่น เชื่อว่าจะช่วยให้ผู้ประกอบการทั้งโรงแรมและร้านอาหารมีความหวังมากขึ้น หากจีนเปิดประเทศและเดินทางเข้าพื้นที่เกาะสมุยมากขึ้น จะทำให้อัตราการเข้าพักในโรงแรมปรับตัวสู่ระดับ 80-90%
ด้าน นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม ประธานที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวภูเก็ต กล่าว ว่า ภาคการท่องเที่ยวภูเก็ตทั้งภาครัฐและเอกชน เตรียมความพร้อมการรับนักท่องเที่ยวชาวจีนไว้บ้างแล้ว เช่น การจัดเตรียมสถานที่พักคอยในท่าอากาศยาน ป้ายบอกทางเป็นภาษาจีน ปรับปรุงตารางสายการบินให้เหมาะสม พยายามลดปัญหาเดิม ๆ รวมถึงภาครัฐควรอำนวยความสะดวกในพิธีการตรวจคนเข้าเมืองแก่นักท่องเที่ยวที่ผ่านด่านทางบก เช่น การกรอกใบ ตม.6 ด้วยนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เข้าประเทศไทยผ่านด่านทางบกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการเปิดรถไฟความเร็วสูงสายจีน-ลาว รวมถึงเข้ามาแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรมการบิน
ทั้งควรเตรียมพร้อมด้านมัคคุเทศก์ที่ใช้ภาษาจีน โดยเปิดให้มีการต่อใบอนุญาตโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เนื่องจากที่ผ่านมามัคคุเทศก์เหล่านี้ขาดแคลนรายได้ รวมถึงเพิ่มทักษะแก่มัคคุเทศก์เพื่อให้พร้อมรับปริมาณความต้องการของชาวจีน
นักท่องเที่ยวกลุ่มแรกช่วงตรุษจีน
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การผ่อนคลายความเข้มงวดสำหรับมาตรการป้องกันโควิดของจีน ตั้งแต่ 8 ม.ค. 2566 ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะทำให้เราน่าจะได้มีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่อาจจะออกท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีนเป็นกลุ่มแรกพอดี การที่จีนเปิดประเทศเร็วกว่าคาด นับว่าเป็นข่าวดีสำหรับภาคการท่องเที่ยวที่จะได้เห็นการฟื้นตัวของตลาดนักท่องเที่ยวจีนกลับมาอีกครั้ง หลังจากหายไปเกือบ 3 ปี โดยในช่วงก่อนโควิดนักท่องเที่ยวจีนครองอันดับ 1 ด้วยสัดส่วนเกือบ 30% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติเกือบ 40 ล้านคน
อย่างไรก็ตามประเทศไทยและภาคธุรกิจ ต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องของการจัดการในด้านการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นทางอากาศ ทางน้ำ หรือทางบก ให้มีการจัดการที่เป็นระบบระเบียบ มีความสะดวกสบาย ไม่เกิดการกระจุกตัว หรือแออัดยัดเยียด ติดขัด เสียเวลา เพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวประทับใจ และวางแผนเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งต้องดูแลมาตรการเรื่องสุขอนามัยและความปลอดภัยต่าง ๆ ให้ได้มาตรฐานและมีความสะดวกสบายเพื่อให้นักท่องเที่ยวเกิดความสบายใจและป้องกันความเสี่ยงไม่ให้นำไปสู่การแพร่ระบาดอีกครั้ง จนกลับไปสู่มาตรการเข้มงวดเหมือนช่วงก่อนหน้านี้