ขึ้นชื่อว่า “ทำเลทอง” ย่อมเป็นที่หมายปองของนักธุรกิจและนักลงทุน โดยในแต่ละปีก็จะมีราคาประเมินที่ดิน ที่นับแต่ยิ่งวันจะยิ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิต ขอชวนผู้อ่านทุกท่านมาสำรวจราคาที่ดินทำเลทองในพื้นที่กรุงเทพด้วยกันค่ะ
นายจำเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 นี้ กรมจะออกประกาศบังคับใช้ราคาประเมินที่ดินและสิ่งปลูกสร้างใหม่ที่ประกาศเมื่อปี 2564 โดยใช้ตั้งแต่ปีบัญชี 2566-2569 หลังจากที่ช่วงปี 2563-2565 ที่มีโควิด กรมได้เลื่อนการบังคับใช้ราคาประเมินที่ดินในรอบปีบัญชีใหม่ออกไป และใช้ราคาประเมินที่ดินเดิม ของปี 2559-2562 ตามเดิม โดยราคาประเมินที่ดินรอบใหม่นั้นเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 8.93% เมื่อเทียบกับปีบัญชีที่ผ่านมา
นายจำเริญกล่าวว่า สำหรับทำเลราคาที่ดินในกรุงเทพฯที่มีราคาสูงสุดในรอบปีบัญชี 2566-2569 นั้น อันดับ 1 คือ ถนนสีลม (ช่วงพระรามที่ 4-นราธิวาสราชนครินทร์) ซึ่งเป็นอันดับสูงสุดมาตั้งแต่รอบปี 2559-2562 ราคาอยู่ที่ 1,000,000 บาทต่อ ตร.ว. ส่วนที่ขยับเพิ่มมาใหม่คือ ถนนเพลินจิต (ช่วงราชดำริ-ทางพิเศษเฉลิมมหานคร), ถนนพระรามที่ 1 (ช่วงราชดำริ-พญาไท) ถนนวิทยุ (ช่วงพระรามที่ 4-เพลินจิต) และถนนวิทยุ (ช่วงช่วงเพลินจิต-คลองแสนแสบ) ราคาใหม่อยู่ที่ 1,000,000 บาทต่อ ตร.ว.เช่นกัน
รองลงมา คือ ถนนราชดำริ (ช่วงเพลินจิต-คลองแสนแสบ) ราคา 900,000 บาทต่อ ตร.ว. ถนนสาทร (ช่วงพระรามที่ 4-ถนนสุรศักดิ์, ถนนเจริญราษฎร์) ราคา 800,000 บาทต่อ ตร.ว. ถนนสุขุมวิท (ช่วงทางพิเศษเฉลิมมหานคร-แยกอโศกมนตรี) ราคา 750,000 บาทต่อ ตร.ว. และถนนเยาวราช ราคา 700,000 บาทต่อ ตร.ว. ส่วนทำเลที่มีการเพิ่มขึ้นสูงสุด คือ ถนนวิทยุ (ช่วงพระรามที่ 4-เพลินจิต) จากเดิมรอบปีบัญชี 2559-2562 ที่อยู่ที่ 500,000 บาทต่อ ตร.ว. เพิ่มขึ้นเป็น 1,000,000 บาทต่อ ตร.ว. หรือ 100% เนื่องจากเป็นถนนย่านเศรษฐกิจที่กำลังกลับมาบูม ขณะที่ราคาที่ดินเฉลี่ยเพิ่มขึ้นสูงสุดใน กทม.คือ เขตห้วยขวาง เพิ่มขึ้น 21.46% เนื่องจากมีรถไฟฟ้าสายสีส้มเพิ่มเข้ามาในพื้นที่