กลายเป็น Talk of the Town เมื่อ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร แถลงเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ว่า พรรคเพื่อไทยจะทำให้นโยบายค่าแรงขั้นต่ำวันละ 600 บาท เป็นจริงให้ได้ ถ้าได้เป็นรัฐบาล
แน่นอนว่าย่อมมีการวิจารณ์แบบจัดหนัก แต่ “กินอยู่เป็น” ขอนำบทความของ “ลม เปลี่ยนทิศ” มาเรียบเรียง เล่าสู่กันฟัง โดยเชื่อมโยงกับนโยบายประชานิยมของนางลิซ ทรัสส์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษที่อยู่ในตำแหน่งเพียง 45 วัน
“ลม เปลี่ยนทิศ” ระบุว่า อังกฤษได้ชื่อว่าประเทศพัฒนาแล้ว ค่าแรงขั้นต่ำชั่วโมงละ 425 บาท หรือวันละ 3,400 บาท ตอนที่นางลิซ ทรัสส์ อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐนตรี เธอประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการลดภาษี เพิ่มรายจ่าย แจกเงินอุดหนุนประชาชน ซึ่งเป็นนโยบายประชานิยม (แบบเดียวกับไทย) ส่งผลให้เศรษฐกิจอังกฤษทรุดลงทันที เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวบีบีซีไทย ระบุว่า มีชาวบ้านบางส่วนในแคว้นเวลส์ ยากจนถึงขั้นต้องบริโภคอาหารของสัตว์เลี้ยงในบ้าน และใช้แผงทำความร้อนในบ้านเป็นที่อุ่นอาหาร
นโยบายพรรคการเมืองมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศและคุณภาพชีวิตประชาชน นโยบายของพรรคการเมือง ไม่ใช่คิดเพื่อหาคะแนนเสียงอย่างเดียว แต่จะต้อง “มีความรับผิดชอบ” ต่อประเทศและประชาชนด้วย
นโยบายค่าแรงขั้นต่ำวันละ 600 บาท ที่แพทองธาร ชินวัตร แถลงว่า ในปี 2566-2570 พรรคเพื่อไทยจะทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพี ของประเทศเติบโตอย่างต่ำเฉลี่ยปีละ 5% จะส่งผลให้ช่องว่างความเหลื่อมล้ำลดลง พร้อมกับจัดตั้งสถาบันอาชีวศึกษาเพิ่มขึ้น ทั้งในสังกัดของรัฐและเอกชน อีกกว่า 800 แห่ง โดยกระจายตั้งแต่ระดับอำเภอ จังหวัด จนถึงระดับประเทศ เพื่อสร้างทักษะด้าน Soft Power ให้คนไทยในด้านต่าง ๆ เช่น เชฟทําอาหาร แฟชั่นดีไซเนอร์ ฯลฯ
ประเทศไทยมี 20 ล้านครอบครัว สามารถสร้างแรงงานทักษะสูงได้ 20 ล้านตำแหน่ง มีรายได้คนละไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาทต่อปี มีรายได้รวมกันปีละ 4 ล้านล้านบาท
ปี 2570 (อีก 4 ปีเศษ) คนไทยต้องได้ค่าแรงขั้นต่ำอย่างสมศักดิ์ศรี คือ 600 บาทต่อวัน เงินเดือนคนที่จบปริญญาตรีจะอยู่ที่ 25,000 บาทขึ้นไป
คุณแพทองธาร แถลงเพิ่มเติมในวันถัดมาหลังจากที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า “เราต้องเป็นทุนนิยมที่มีหัวใจ ค่าแรงต้องปรับขึ้นเมื่อเศรษฐกิจทั้ง ประเทศพร้อมวันนี้ค่าแรงยังปรับขึ้นเป็น 600 บาทไม่ได้เพราะเศรษฐกิจยังไม่ดี แต่เมื่อเศรษฐกิจดีแล้ว จีดีพีจะเติบโตที่ 5% ปีแรกอาจสูงกว่า หรือปีต่อมาอาจลดน้อยลงตามตัวเลขเฉลี่ยแต่ละปี ทั้งหมดนี้คือหัวใจหลัก”
แคมเปญหาเสียงของพรรคเพื่อไทย ไม่ได้แตกต่างไปจาก “ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ใช้มาตั้งแต่ปลายปี 2560 หากเปิดย้อนหลังไปดูยุทธศาสตร์สร้างความมั่งคั่ง “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่งยั่งยืน” ได้ตั้งเป้าให้ประเทศไทย เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วในปี 2580 ประชาชนจะมีรายได้ต่อหัวกว่า 15,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อคนต่อปี ภายในปี 2580 ถ้าคิดอัตราแลกเปลี่ยน 36 บาทต่อดอลลาร์ อีก 15 ปี (ปี 2580) คนไทยจะมีรายได้ต่อหัวปีละ 540,000 บาท เดือนละ 45,000 บาท วันละ1,500 บาท
แต่มีเงื่อนไขว่าจีดีพีตลอด 20 ปีข้างหน้า ต้องขยายตัวไม่ต่ำกว่า 5% ทุกปีตลอด 20 ปี คนไทยจึงจะมีรายได้ต่อหัว 15,000 ดอลลาร์ในปี 2580 เช่นเดียวกับที่พรรคเพื่อไทยประกาศว่า จะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 600 บาทในปี 2570 โดยมีเงื่อนไขว่า จีดีพีต้องเติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าปีละ 5% ตลอด 4 ปีที่ “เพื่อไทย” เป็นรัฐบาล
แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของพล.อ.ประยุทธ์ ใช้มาตั้งแต่ ปี 2560 ตลอด 5 ปีจนถึงปีนี้ จีดีพีไทยไม่เคยโตถึง 5% เลย ปี 2560 โต 4.2%, ปี 2561 โต 4.2%, ปี 2562 โต 2.3%, ปี 2563 ติดลบ –6.1%, ปี 2564 โต 2.3% และปี 2565 คาดว่าจะโต 3.4%
โอกาสที่คนไทยจะมีรายได้ 15,000 ดอลลาร์ในปี 2580 คงได้แต่ฝัน
ดังนั้นค่าแรงวันละ 600 บาทในปี 2570 ไม่เห็นต้องตีตนไปก่อนไข้ ถ้าใครสามารถทำให้จีดีพีโตได้ปีละ 5% ขึ้นไป ค่าแรงวันละ 600 บาท ก็ให้ไปเถอะ คนไทยทั้งประเทศจะได้เจริญรุ่งเรืองไปด้วยกัน
ไม่รวยกระจุกอยู่ที่คนรวยไม่กี่คน
ที่มา: คอลัมน์ หมายเหตุประเทศไทย: ขอให้เจริญรุ่งเรืองไปด้วยกัน โดย “ลม เปลี่ยนทิศ”