มีการคาดการณ์ว่าประชากรโลก ณ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2565 มีจำนวนเท่ากับ 8,000 ล้านคน จาก 235 ประเทศ โดยประเทศที่มีประชากรอันดับหนึ่งในปัจจุบันคือ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งมีประชากรปัจจุบันจำนวน 1,452 ล้านคน ตามมาด้วยสาธารณรัฐอินเดีย ที่มีประชากร 1,412 ล้านคน อันดับที่สามคือ สหรัฐอเมริกา 335.62 ล้านคน และอันดับที่สี่คือ อินโดนีเซีย ซึ่งมีประชากร 280 ล้านคน และอันดับห้าคือ ประเทศปากีสถาน ที่มีประชากรเพิ่มขึ้นมาจนเป็น 231.45 ล้านคน
โดยประเทศไทยอยู่อันดับที่ 20 ด้วยจำนวนประชากรที่ประมาณไว้ 70.2 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วน 0.90% ของประชากรโลก และอายุมัธยฐาน (มีคนอายุเท่านี้จำนวนมากที่สุด) ของไทยอยู่ที่ 40 ปี
มองในด้านอายุเฉลี่ย ประชากรของโลกมีอายุคาดการณ์อยู่ที่ 73.2 ปี โดยประชากรหญิงอายุเฉลี่ย 75.6 ปี และประชากรชาย อายุเฉลี่ย 70.8 ปี โดยแชมป์อายุยืนอันดับหนึ่งคือ เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ที่มีอายุเฉลี่ยคาดการณ์ 85.29 ปี (หญิง 88.17 ปี และชาย 82.38 ปี) ตามด้วยญี่ปุ่น 85.03 ปี (หญิง 88.09 ปี และชาย 81.91 ปี) ประเทศไทยเรามีอายุเฉลี่ยอยู่ในอันดับที่ 59 ที่ 77.74 ปี (หญิง 81.34 ปี และชาย 74.16 ปี) และประเทศที่ประชากรมีอายุเฉลี่ยเมื่อแรกเกิดต่ำสุดคือ สาธารณรัฐอัฟริกากลาง (Central African Republic) ซึ่งมีอายุเฉลี่ยของประชากร 54.36 ปี (หญิง 56.58 ปี และชาย 52.16 ปี)
หากมองในด้านเศรษฐกิจ ส่วนที่ใหญ่ที่สุดในโลกปัจจุบันคือ สหรัฐอเมริกา โดยประมาณมูลค่า GDP 24.796 ล้านล้านเหรียญ รายได้ต่อหัวของประชากรเท่ากับ 61,763 เหรียญต่อปี
รองลงมาคือ จีน 18.463 ล้านล้านเหรียญ รายได้ต่อหัว 10,423 เหรียญต่อปี และอันดับที่สามคือ ญี่ปุ่น มีขนาดเศรษฐกิจวัดโดย GDP เท่ากับ 5.384 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และมีรายได้ต่อหัว 40,662 เหรียญต่อปี
ส่วนรายได้ต่อหัวของไทย คิดเป็น 6,978 เหรียญ หรือประมาณ 261,675 บาทต่อปี หรือประมาณ 11.3% ของรายได้ต่อหัวของสหรัฐเท่านั้น ซึ่งประเทศที่รายได้ต่อหัวของประชากรสูง มักจะเป็นนครรัฐ คือประเทศมีเมืองเดียว จึงมีจำนวนประชากรน้อย
