“งานอดิเรกไม่เคยไร้ค่า” 6 ประโยชน์พีคๆ ของงานอดิเรก

0
963
kinyupen

“งานอดิเรก” สิ่งที่คุณชื่นชอบ จนพัฒนาเป็นสิ่งที่ทำเป็นประจำและทำได้ดี ช่วงเวลาที่เรามีเวลามากขึ้นจากการอยู่บ้าน ช่วงเวลาเครียดๆ น่าเบื่อน่าเซ็งแบบนี้ก็เป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับคนที่มีงานอดิเรก ได้ใช้เวลาทำในสิ่งที่ชอบ ไม่ว่าจะร้องเพลง วาดรูป เล่นเกมส์ หรืออ่านนิยายเล่นๆ

แต่เชื่อว่าเมื่อมีเวลาว่างจากงานประจำวัน ผู้ที่จริงจังกับชีวิตมักมองว่า นี่คือนาทีทองในการใช้เวลาเพื่อพัฒนาตนเอง ไม่ใช่เอาเวลาไปทำเรื่องไร้สาระให้เสียเวลาไปวันๆ แล้วผู้ใหญ่ส่วนมากจะเห็นดีเห็นงามเสียด้วย

ความจริงแล้วงานอดิเรกมีข้อดีที่ไม่น่าเชื่อหลายอย่าง จนผู้ที่เคยดูแคลนงานอดิเรกอาจจะต้องเสียใจเลยทีเดียว กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิต เชื่อว่างานอดิเรกยังเป็นสิ่งที่จำเป็นอยู่ ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

 

ประโยชน์ของงานอดิเรก ที่คนสบประมาทจะต้องเสียดาย

  1. งานอดิเรกช่วยให้เราเป็นคนมีเสน่ห์ น่าสนใจ

การใช้เวลาว่างกับตัวเองถือเป็นหนึ่งในวิธีดูแลตัวเองที่ดีที่สุด คุณจะเป็นที่ไม่หยุดอยู่เฉยๆ คุณจะมีเรื่องเล่าพูดคุยกับผู้อื่น ยิ่งหากคุณทำประจำและทำมันได้ดี ก็ยิ่งทำให้คนอื่นเห็นตัวตนของคุณชัดเจนขึ้น

 

และหากงานอดิเรกเจ๋งๆ ปรากฎอยู่ในเรซูเม่สมัครงาน ก็อาจโดนใจและเตะตานายจ้างได้เช่นกัน เห็นไหม งานอดิเรกเรียกความสนใจได้มากเลยทีเดียว

 

  1. งานอดิเรกช่วยให้พบเจอผู้คนหรือสังคมใหม่ ๆ
    แม้แต่ใครที่สร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นไม่เก่ง การพูดคุยกับผู้มีงานอดิเรกเหมือนกันจะเป็นเรื่องง่าย ถูกคอ และลื่นไหลทันที

    งานอดิเรกอาจพอคุณไปพบเจอผู้คนใหม่ๆ เพื่อนใหม่ที่มีความชอบและความสนใจเหมือนกัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ หรือสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ให้กัน คุณอาจได้ทริกดีๆ ที่เป็นความลับสุดยอดมาก็ได้นะ

  2. งานอดิเรกช่วยให้คุณ “ฉลาดขึ้น” ยิ่งกว่าเดิม
    ข้อมูลจากงานวิจัยพบว่าคนเรามักจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับงานอดิเรก ดังนั้นเราจึงสามารถพัฒนาสมองและศักยภาพตัวเองได้จากงานอดิเรกต่างๆ ที่เราทำ เช่น
  • การเล่นดนตรี : มีส่วนกระตุ้นให้สมองและอารมณ์ให้ทำงานได้ดี ช่วยเพิ่มพื้นที่ความจำ ฝึกความอดทน (กว่าจะเล่นดนตรีเป็นต้องอดทนสูง) แถมยังเป็นการฝึกสมาธิในตัวได้อีกด้วย
  • เรียนภาษาใหม่ : มักจะเป็นคนที่มีไหวพริบดี การเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ ช่วยให้ระบบภาษาในสมองของเราทำงานร่วมกับสมองส่วนที่คิดแก้ปัญหา วางแผน และตัดสินใจได้ดีขึ้น
  • จดบันทึก : การเขียนช่วยพัฒนาความสามารถทางด้านภาษา แถมยังช่วยฝึกสมาธิ ความคิดสร้างสรรค์ และจินตนาการอีกด้วย
  • ทำอาหาร : กลายเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ และเป็นคนที่ใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้เรียนรู้การทำอะไรหลายๆ อย่างในเวลาเดียวกัน ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
  • ออกกำลังกายแบบแอโรบิก : ช่วยสร้างเซลล์สมองใหม่ๆ ได้ ซึ่งช่วยให้สมองของเรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  • บริหารสมอง : ออกกำลังกายสมองช่วยให้สมองของเราทำงานอย่างต่อเนื่อง และสามารถแก้ไขสถานการณ์ต่างๆ ได้ดี อีกทั้งยังช่วยพัฒนาสมองของเราให้คิดสร้างสรรค์มากขึ้น
  • ท่องเที่ยวในสถานที่ใหม่ๆ : ช่วยให้คุณสามารถเข้าใจสิ่งต่างๆ รอบตัวได้ง่ายขึ้น ได้สัมผัสกับแนวคิดและไอเดียใหม่ๆ
  1. งานอดิเรกช่วยให้คุณทำ “งานหลัก” ได้ดีขึ้น
    มีงานวิจัยหนึ่ง ที่ศึกษาเกี่ยวกับอัตชีวประวัติของผู้ได้รับรางวัลโนเบลตั้งเเต่ปี 1901 – 2005 ค้นพบว่าผู้ชนะรางวัลโนเบลส่วนใหญ่มักมีเเนวโน้มที่จะมีความเกี่ยวข้องกับงานอดิเรกที่จริงจัง โดยเฉพาะด้านศิลปะ มากกว่าคนทั่วไปถึง 22 เท่า!

    Temin Effect คือ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจากการเชื่อมโยงความรู้เเละทักษะจากหลายพื้นที่เข้าด้วยกัน
    (ชื่อนี้ตั้งตาม Howard Temin นักวิทยาศาสตร์ผู้ได้รับรางวัลโนเบล ซึ่งนอกจากเขาจะมีความเชี่ยวชาญด้านชีววิทยาเเล้ว ยังเป็นบุคคลที่มีงานอดิเรกหลายด้าน ทั้งปรัชญา ศิลปะ เเละวรรณกรรม)

ตัวอย่าง

  • นักศึกษาเเพทย์กับการเรียนศิลปะ : ทักษะด้านการสังเกต วิเคราะห์ เเละอธิบายศิลปะที่พวกเขาได้พัฒนาจากการเรียนที่พิพิธภัณฑ์ ทำให้พวกเขาสามารถสังเกตเห็นรายละเอียดเล็กๆ ที่เเตกต่างกัน ของภาพสแกนรูม่านตาในเเบบทดสอบได้อย่างลึกซึ้งกว่าเดิม รวมถึงวินิจฉัยโรคเเละความผิดปกติได้เเม่นยำมากยิ่งขึ้น
  • นักวิศวกรกับการส่องนก : ต้นกำเนิดของรถไฟหัวกระสุนที่ชื่อว่า ‘ชินคันเซ็น’ มาจาก Eji Nakatsu ผู้ชื่นชอบในการส่องนกเป็นชีวิตจิตใจ ออกเเบบหัวรถไฟใหม่ มีเเรงบันดาลจาก ‘จะงอยปากของนกกระเต็น’ ใช้หลักการชีวลอกเลียนสร้าง ‘จะงอยเหล็ก’ ขนาด 50 ฟุต ที่ยาว เเหลม เเละเพรียวลม เหมือนกับจะงอยปากนกกระเต็น

    ซึ่งนอกจากจะสามารถช่วยลดเเรงต้านของลมที่ปะทะกับรถไฟถึง 30% เเละลดปัญหามลภาวะทางเสียงเเล้ว มันยังช่วยเพิ่มสมรรถนะของรถไฟชินคันเซ็นได้มากกว่าเดิมถึง 10-15% อีกด้วย

  • เหรียญทองของ ดร.มือสมัครเล่น : โตเกียวโอลิมปิก 2019 ที่ผ่านมา ผู้ชนะเหรีญทองในการแข่งขันจักรยาน ประเภทถนน (Road Race) คือ ดร.คีเซนฮอฟเฟอร์ ตัวแทนจากประเทศออสเตรีย เธอไม่ใช่นักจักรยานมืออาชีพ เธอมีอาชีพหลักเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย การปั่นจักรยานเป็นงานอดิเรกที่เธอชอบทำอย่างจริงจังแค่นั้น

สืบเนื่องมาจากข้อ 3 ด้วยองค์ประกอบต่างๆ ของงานอดิเรกก่อให้เกิดทักษะพิเศษเพิ่มขึ้น ก็ทำให้งานประจำของคุณมีประสิทธิภาพสูงขึ้นด้วย

ซึ่งการเชื่อมโยงเหล่านี้เอง ที่ช่วยส่งเสริมให้พวกเขาได้เปิดมุมมองที่เเตกต่าง สร้างวิธีการเเก้ไขปัญหาที่สดใหม่ เเละทำงานหลักได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

  1. งานอดิเรกช่วยในการจัดการอารมณ์
    เวลาที่รู้สึกแย่ เครียด หรืออารมณ์ดิ่ง คนที่รู้ว่าควรรับมือกับอารมณ์เหล่านั้นได้อย่างไร มักเป็นผู้ที่มีงานอดิเรก คุณอาจเขียนบล็อกระบายความทุกข์ วาดรูป หรือฟังเพลง เพื่อให้อารมณ์ดีขึ้น การทำในสิ่งที่ชอบ จะช่วยเปลี่ยนจากความเครียดเป็นความสบายใจขึ้น ซึ่งดีต่อสุขภาพจิตแน่นอน
  2. งานอดิเรกช่วยส่งเสริมความเครียดที่เป็นแง่บวก
    แล้วถ้าทำงานอดิเรกแล้วเครียดล่ะ? อย่างการแก้ปริศนา การวิ่งที่เหนื่อยมากๆ หรือเกมที่ยิ่งเล่นยิ่งเครียด มันช่วยผ่อนคลายยังไง?

    ความเครียดโดยทั่วไปเป็นตัวทำลายสุขภาพ แต่ความเครียดที่ทำให้คุณรู้สึกท้าทายเป็นสิ่งที่ดี
    “ความเครียดทางบวก” ช่วยให้ฟื้นฟูการแก่ชราของสมอง จิตใจ และร่างกายให้ดีขึ้นด้วยซ้ำ คุณอาจเติม

“ความเครียดแบบท้าทาย” ซึ่งเป็นชนิดของความเครียดที่จะเติมเต็มความรู้สึกให้กับตัวเอง เพิ่มสีสันให้วันของคุณ (อ่านเพิ่มเติมที่ เครียดแบบนี้มีประโยชน์ เครียดแบบไหนช่วยให้แก่ช้า | 100+ Story)

กินอยู่เป็น 360 แห่งการใช้ชีวิตเชื่อว่านอกเหนือจากงานหลักที่คุณต้องรับมือในเเต่ละวัน การได้พบเจอสกิลใหม่ๆ หรืองานอดิเรกที่ดี จะช่วยเชื่อมโยงมุมมองใหม่ๆ กับทักษะหลายๆ อย่างเข้าด้วยกัน เพื่อจุดประกายสิ่งพิเศษให้กับคุณไม่มากก็น้อย ว่าแล้วลองหางานอดิเรกเพื่อเติมเต็มชีวิตคุณสักหน่อยไหม

 

กินอยู่เป็นขอขอบคุณข้อมูลจาก

รู้ยัง!! งานอดิเรกช่วยให้คุณ “ฉลาดขึ้น” ยิ่งกว่าเดิม – เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (sena.co.th)

‘งานอดิเรก’ อาจช่วยให้คุณทำ ‘งานหลัก’ ได้ดีขึ้นกว่าที่คิด! | TUXSA (skilllane.com)

kinyupen