“งานอดิเรก” สิ่งที่คุณชื่นชอบ จนพัฒนาเป็นสิ่งที่ทำเป็นประจำและทำได้ดี ช่วงเวลาที่เรามีเวลามากขึ้นจากการอยู่บ้าน ช่วงเวลาเครียดๆ น่าเบื่อน่าเซ็งแบบนี้ก็เป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับคนที่มีงานอดิเรก ได้ใช้เวลาทำในสิ่งที่ชอบ ไม่ว่าจะร้องเพลง วาดรูป เล่นเกมส์ หรืออ่านนิยายเล่นๆ
แต่เชื่อว่าเมื่อมีเวลาว่างจากงานประจำวัน ผู้ที่จริงจังกับชีวิตมักมองว่า นี่คือนาทีทองในการใช้เวลาเพื่อพัฒนาตนเอง ไม่ใช่เอาเวลาไปทำเรื่องไร้สาระให้เสียเวลาไปวันๆ แล้วผู้ใหญ่ส่วนมากจะเห็นดีเห็นงามเสียด้วย
ความจริงแล้วงานอดิเรกมีข้อดีที่ไม่น่าเชื่อหลายอย่าง จนผู้ที่เคยดูแคลนงานอดิเรกอาจจะต้องเสียใจเลยทีเดียว กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิต เชื่อว่างานอดิเรกยังเป็นสิ่งที่จำเป็นอยู่ ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
ประโยชน์ของงานอดิเรก ที่คนสบประมาทจะต้องเสียดาย
- งานอดิเรกช่วยให้เราเป็นคนมีเสน่ห์ น่าสนใจ
การใช้เวลาว่างกับตัวเองถือเป็นหนึ่งในวิธีดูแลตัวเองที่ดีที่สุด คุณจะเป็นที่ไม่หยุดอยู่เฉยๆ คุณจะมีเรื่องเล่าพูดคุยกับผู้อื่น ยิ่งหากคุณทำประจำและทำมันได้ดี ก็ยิ่งทำให้คนอื่นเห็นตัวตนของคุณชัดเจนขึ้น
และหากงานอดิเรกเจ๋งๆ ปรากฎอยู่ในเรซูเม่สมัครงาน ก็อาจโดนใจและเตะตานายจ้างได้เช่นกัน เห็นไหม งานอดิเรกเรียกความสนใจได้มากเลยทีเดียว
- งานอดิเรกช่วยให้พบเจอผู้คนหรือสังคมใหม่ ๆ
แม้แต่ใครที่สร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นไม่เก่ง การพูดคุยกับผู้มีงานอดิเรกเหมือนกันจะเป็นเรื่องง่าย ถูกคอ และลื่นไหลทันทีงานอดิเรกอาจพอคุณไปพบเจอผู้คนใหม่ๆ เพื่อนใหม่ที่มีความชอบและความสนใจเหมือนกัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ หรือสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ให้กัน คุณอาจได้ทริกดีๆ ที่เป็นความลับสุดยอดมาก็ได้นะ
- งานอดิเรกช่วยให้คุณ “ฉลาดขึ้น” ยิ่งกว่าเดิม
ข้อมูลจากงานวิจัยพบว่าคนเรามักจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับงานอดิเรก ดังนั้นเราจึงสามารถพัฒนาสมองและศักยภาพตัวเองได้จากงานอดิเรกต่างๆ ที่เราทำ เช่น
- การเล่นดนตรี : มีส่วนกระตุ้นให้สมองและอารมณ์ให้ทำงานได้ดี ช่วยเพิ่มพื้นที่ความจำ ฝึกความอดทน (กว่าจะเล่นดนตรีเป็นต้องอดทนสูง) แถมยังเป็นการฝึกสมาธิในตัวได้อีกด้วย
- เรียนภาษาใหม่ : มักจะเป็นคนที่มีไหวพริบดี การเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ ช่วยให้ระบบภาษาในสมองของเราทำงานร่วมกับสมองส่วนที่คิดแก้ปัญหา วางแผน และตัดสินใจได้ดีขึ้น
- จดบันทึก : การเขียนช่วยพัฒนาความสามารถทางด้านภาษา แถมยังช่วยฝึกสมาธิ ความคิดสร้างสรรค์ และจินตนาการอีกด้วย
- ทำอาหาร : กลายเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ และเป็นคนที่ใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้เรียนรู้การทำอะไรหลายๆ อย่างในเวลาเดียวกัน ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
- ออกกำลังกายแบบแอโรบิก : ช่วยสร้างเซลล์สมองใหม่ๆ ได้ ซึ่งช่วยให้สมองของเรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- บริหารสมอง : ออกกำลังกายสมองช่วยให้สมองของเราทำงานอย่างต่อเนื่อง และสามารถแก้ไขสถานการณ์ต่างๆ ได้ดี อีกทั้งยังช่วยพัฒนาสมองของเราให้คิดสร้างสรรค์มากขึ้น
- ท่องเที่ยวในสถานที่ใหม่ๆ : ช่วยให้คุณสามารถเข้าใจสิ่งต่างๆ รอบตัวได้ง่ายขึ้น ได้สัมผัสกับแนวคิดและไอเดียใหม่ๆ
- งานอดิเรกช่วยให้คุณทำ “งานหลัก” ได้ดีขึ้น
มีงานวิจัยหนึ่ง ที่ศึกษาเกี่ยวกับอัตชีวประวัติของผู้ได้รับรางวัลโนเบลตั้งเเต่ปี 1901 – 2005 ค้นพบว่าผู้ชนะรางวัลโนเบลส่วนใหญ่มักมีเเนวโน้มที่จะมีความเกี่ยวข้องกับงานอดิเรกที่จริงจัง โดยเฉพาะด้านศิลปะ มากกว่าคนทั่วไปถึง 22 เท่า!Temin Effect คือ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจากการเชื่อมโยงความรู้เเละทักษะจากหลายพื้นที่เข้าด้วยกัน
(ชื่อนี้ตั้งตาม Howard Temin นักวิทยาศาสตร์ผู้ได้รับรางวัลโนเบล ซึ่งนอกจากเขาจะมีความเชี่ยวชาญด้านชีววิทยาเเล้ว ยังเป็นบุคคลที่มีงานอดิเรกหลายด้าน ทั้งปรัชญา ศิลปะ เเละวรรณกรรม)
ตัวอย่าง
- นักศึกษาเเพทย์กับการเรียนศิลปะ : ทักษะด้านการสังเกต วิเคราะห์ เเละอธิบายศิลปะที่พวกเขาได้พัฒนาจากการเรียนที่พิพิธภัณฑ์ ทำให้พวกเขาสามารถสังเกตเห็นรายละเอียดเล็กๆ ที่เเตกต่างกัน ของภาพสแกนรูม่านตาในเเบบทดสอบได้อย่างลึกซึ้งกว่าเดิม รวมถึงวินิจฉัยโรคเเละความผิดปกติได้เเม่นยำมากยิ่งขึ้น
- นักวิศวกรกับการส่องนก : ต้นกำเนิดของรถไฟหัวกระสุนที่ชื่อว่า ‘ชินคันเซ็น’ มาจาก Eji Nakatsu ผู้ชื่นชอบในการส่องนกเป็นชีวิตจิตใจ ออกเเบบหัวรถไฟใหม่ มีเเรงบันดาลจาก ‘จะงอยปากของนกกระเต็น’ ใช้หลักการชีวลอกเลียนสร้าง ‘จะงอยเหล็ก’ ขนาด 50 ฟุต ที่ยาว เเหลม เเละเพรียวลม เหมือนกับจะงอยปากนกกระเต็น
ซึ่งนอกจากจะสามารถช่วยลดเเรงต้านของลมที่ปะทะกับรถไฟถึง 30% เเละลดปัญหามลภาวะทางเสียงเเล้ว มันยังช่วยเพิ่มสมรรถนะของรถไฟชินคันเซ็นได้มากกว่าเดิมถึง 10-15% อีกด้วย
- เหรียญทองของ ดร.มือสมัครเล่น : โตเกียวโอลิมปิก 2019 ที่ผ่านมา ผู้ชนะเหรีญทองในการแข่งขันจักรยาน ประเภทถนน (Road Race) คือ ดร.คีเซนฮอฟเฟอร์ ตัวแทนจากประเทศออสเตรีย เธอไม่ใช่นักจักรยานมืออาชีพ เธอมีอาชีพหลักเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย การปั่นจักรยานเป็นงานอดิเรกที่เธอชอบทำอย่างจริงจังแค่นั้น
สืบเนื่องมาจากข้อ 3 ด้วยองค์ประกอบต่างๆ ของงานอดิเรกก่อให้เกิดทักษะพิเศษเพิ่มขึ้น ก็ทำให้งานประจำของคุณมีประสิทธิภาพสูงขึ้นด้วย
ซึ่งการเชื่อมโยงเหล่านี้เอง ที่ช่วยส่งเสริมให้พวกเขาได้เปิดมุมมองที่เเตกต่าง สร้างวิธีการเเก้ไขปัญหาที่สดใหม่ เเละทำงานหลักได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- งานอดิเรกช่วยในการจัดการอารมณ์
เวลาที่รู้สึกแย่ เครียด หรืออารมณ์ดิ่ง คนที่รู้ว่าควรรับมือกับอารมณ์เหล่านั้นได้อย่างไร มักเป็นผู้ที่มีงานอดิเรก คุณอาจเขียนบล็อกระบายความทุกข์ วาดรูป หรือฟังเพลง เพื่อให้อารมณ์ดีขึ้น การทำในสิ่งที่ชอบ จะช่วยเปลี่ยนจากความเครียดเป็นความสบายใจขึ้น ซึ่งดีต่อสุขภาพจิตแน่นอน - งานอดิเรกช่วยส่งเสริมความเครียดที่เป็นแง่บวก
แล้วถ้าทำงานอดิเรกแล้วเครียดล่ะ? อย่างการแก้ปริศนา การวิ่งที่เหนื่อยมากๆ หรือเกมที่ยิ่งเล่นยิ่งเครียด มันช่วยผ่อนคลายยังไง?ความเครียดโดยทั่วไปเป็นตัวทำลายสุขภาพ แต่ความเครียดที่ทำให้คุณรู้สึกท้าทายเป็นสิ่งที่ดี
“ความเครียดทางบวก” ช่วยให้ฟื้นฟูการแก่ชราของสมอง จิตใจ และร่างกายให้ดีขึ้นด้วยซ้ำ คุณอาจเติม
“ความเครียดแบบท้าทาย” ซึ่งเป็นชนิดของความเครียดที่จะเติมเต็มความรู้สึกให้กับตัวเอง เพิ่มสีสันให้วันของคุณ (อ่านเพิ่มเติมที่ เครียดแบบนี้มีประโยชน์ เครียดแบบไหนช่วยให้แก่ช้า | 100+ Story)
กินอยู่เป็น 360 แห่งการใช้ชีวิตเชื่อว่านอกเหนือจากงานหลักที่คุณต้องรับมือในเเต่ละวัน การได้พบเจอสกิลใหม่ๆ หรืองานอดิเรกที่ดี จะช่วยเชื่อมโยงมุมมองใหม่ๆ กับทักษะหลายๆ อย่างเข้าด้วยกัน เพื่อจุดประกายสิ่งพิเศษให้กับคุณไม่มากก็น้อย ว่าแล้วลองหางานอดิเรกเพื่อเติมเต็มชีวิตคุณสักหน่อยไหม
กินอยู่เป็นขอขอบคุณข้อมูลจาก
รู้ยัง!! งานอดิเรกช่วยให้คุณ “ฉลาดขึ้น” ยิ่งกว่าเดิม – เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (sena.co.th)
‘งานอดิเรก’ อาจช่วยให้คุณทำ ‘งานหลัก’ ได้ดีขึ้นกว่าที่คิด! | TUXSA (skilllane.com)