สำหรับผู้ที่รักธรรมชาติ คงไม่สบายใจเท่าไหร่เมื่อไปเที่ยวชายหาดสวยๆ แล้วกลับพบว่ามีนักท่องเที่ยวด้วยกันที่ไม่มีความรับผิดชอบบางรายทิ้งเศษขยะไว้เกลื่อน ซึ่งไม่เพียงที่จะทำให้เกิดความไม่สวยงามบนชายหาดต่างๆ ของไทยแล้ว ยังเป็นมลภาวะและสร้างความเสียหายให้กับสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมในบริเวณนั้นอีกด้วย
ล่าสุด กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ออกคำสั่ง ห้ามสูบ ทิ้งก้นบุหรี่ ระบายของเสีย ขยะมูลฝอย พลาสติก โฟม ของเสีย กระดาษ เศษอาหาร ตามแนวชายหาด 15 จังหวัดทั่วประเทศ ฝ่าฝืนโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท โดยได้มีการประกาศคำสั่งนี้ในราชกิจจานุเบกษา และ มีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งผู้กระทำผิดจะได้รับโทษตามกฎหมายทันที
สำหรับรายละเอียดในคำสั่งฉบับดังกล่าวมีเนื้อหาสรุปสาระสำคัญคือ
เพื่อเป็นการคุ้มครอง สงวน อนุรักษ์ ฟื้นฟู บริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งบริเวณชายหาด ตามแนวชายฝั่งทะเล และพื้นที่ทางทะเลโดยรอบมิให้ได้รับความเสียหายหรือได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง จากการสูบบุหรี่และการทิ้งก้นบุหรี่ ขยะมูลฝอยต่าง ๆ หรือการกระทำใด ๆ อันมีลักษณะเป็นการทำลาย หรือทำให้เกิดอันตราย ต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ให้ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศของทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งของประเทศ รวมทั้งก่อให้เกิดผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของชุมชนหรือประชาชนบริเวณชายหาดหากปล่อยให้เนิ่นช้าทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจะได้รับความเสียหายเพิ่มขึ้นยากที่จะฟื้นฟูให้กลับคืนสู่ความอุดมสมบูรณ์ได้
จึงมีคำสั่ง ห้ามมิให้บุคคลหรือนิติบุคคลใด กระทำอย่างหนึ่งอย่างใด ในบริเวณชายหาดตามแนวชายฝั่งทะเล ดังต่อไปนี้
(1) สูบบุหรี่หรือทิ้งก้นบุหรี่ บริเวณชายหาด เว้นแต่เป็นการสูบบุหรี่หรือทิ้งก้นบุหรี่ในบริเวณพื้นที่หรือในสถานที่ที่เจ้าหน้าที่ หรือหน่วยงานราชการได้จัดไว้
(2) เท ทิ้ง ระบายของเสีย ขยะมูลฝอย หรือวัสดุที่มีลักษณะเป็นพลาสติก โฟม ของเสียกระดาษ เศษอาหาร หรือผ้า น้ำเสีย สิ่งปฏิกูล สารแขวนลอย คราบน้ำมัน สารปนเปื้อน มูลสัตว์ ซากสัตว์ มลภาวะ หรือสิ่งต่าง ๆ เว้นแต่ได้ดำเนินการ เท ทิ้ง หรือระบายในบริเวณพื้นที่ หรือในสถานที่ที่เจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานราชการได้จัดไว้เพื่อการนั้น หรือได้ดำเนินการตามกระบวนการหรือมาตรฐานที่ทางราชการกำหนด
(3) กระทำการใด ๆ อันส่งผลหรืออาจส่งผลให้ชายหาดได้รับความเสียหาย
ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามความในมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. 2558
โดยคำสั่งนี้ ให้มีผลบังคับใช้นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป โดยให้มีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลาสองปี
สำหรับชายหาดที่อยู่ในความคุ้มครองของคำสั่งฉบับนี้ได้แก่
- ท้องที่ชายหาดบานชื่น อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด
- ท้องที่ชายหาดแหลมเสด็จ อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี
- ท้องที่ชายหาดแสงจันทร์ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง
- ท้องที่ชายหาดบางแสน อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี
- ท้องที่ชายหาดถ้ำพัง อำเภอเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี
- ท้องที่ชายหาดทรายแก้ว อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
- ท้องที่ชายหาดดงตาล พัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
- ท้องที่ชายหาดชะอำ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
- ท้องที่ชายหาดหัวหิน ชายหาดเขาตะเกียบ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
- ท้องที่ชายหาดทรายรี อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร
- ท้องที่ชายหาดบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
- ท้องที่ชายหาดโฉลกบ้านเก่า เกาะเต่ำ อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
- ท้องที่ชายหาดปลายทราย อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช
- ท้องที่ชายหาดชลาทัศน์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา
- ท้องที่ชายหาดวาสุกรี อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี
- ท้องที่ชายหาดป่าตอง อำเภอกระทู้ จังหวัดภูเก็ต
- ท้องที่ชายหาดเกาะไข่นอก ชายหาดเกาะไข่ใน อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา
- ท้องที่ชายหาดเขาหลัก อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา
- ท้องที่ชายหาดพระแอะ อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่
- ท้องที่ชายหาดคลองดาว ชายหาดคอกวาง อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่
- ท้องที่ชายหาดสำราญ อำเภอหาดสำราญ จังหวัดตรัง