อเมริกาเตรียมรับมือจุดพีคสุดอีก 2 สัปดาห์เชื่อคนตายสองแสน ด้านไทยยอดติดเชื้อไม่ลด นายกฯ ประกาศเคอร์ฟิวแล้ว

0
441
kinyupen

ทรัมป์ยอมรับอีก 2 สัปดาห์ถึงจุดพีคอันเจ็บปวดของชาวอเมริกันหากโควิด 19 ยังแพร่หนัก ขณะที่สถานการณ์ในประเทศไทยเชื่อถึงจุดพีคสัปดาห์นี้ ล่าสุด นายกฯ ประกาศเคอร์ฟิวแล้ว

 

ซีเอ็นเอ็นรายงานว่าประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ ออกมากล่าวถึงปัญหาการระบาดของโรคโควิด 19 ในสหรัฐอเมริกาในขณะนี้ ซึ่งคาดว่าหากไม่มีมาตรการใดเลย สหรัฐฯ จะมียอดผู้เสียชีวิตสูงเป็นล้านราย โดยเขากล่าวยอมรับว่าหลังจากนี้ไปอีกสองสัปดาห์สหรัฐฯ อาจจะต้องเผชิญกับความเจ็บปวดจากการระบาดของโรค COVID-19 อย่างน่าเป็นห่วง

 

ขณะนี้ สหรัฐฯ มีจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรค COVID-19 เกิน 4,000 คนแล้ว และการคาดการณ์ล่าสุดระบุอาจจะมีผู้เสียชีวิตได้มากถึง 200,000 คน ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันอังคารว่า ชาวอเมริกันจะต้องเตรียมพร้อมกับความเจ็บปวดที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในสองสัปดาห์ข้างหน้านี้ แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะพยายามออกมาแสดงความคิดเห็นในเชิงบวกว่าโรค COVID-19 เป็นไข้หวัดชนิดหนึ่งเท่านั้น แต่ในการแถลงข่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ทรัมป์มีท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปโดยการให้ข้อมูลข้อเท็จจริงที่ชัดเจนและแสดงความห่วงใยต่อการระบาดของโรคมากขึ้น โดยระบุว่า จากการคาดการณ์ในปัจจุบันแสดงให้เห็นว่าการระบาดของโรคจะทำให้มีผู้เสียชีวิตระหว่าง 100,000 ถึง 200,000 คนในสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นจำนวนการเสียชีวิตที่มากกว่าในประเทศจีน

 

เจ้าหน้าที่ด้านโรคระบาดของสหรัฐอเมริกาอธิบายว่า จำนวนตัวเลขดังกล่าว เป็นการคำนวณจากการปฏิบัติตัวของประชาชนที่บางส่วนไม่ได้ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการระงับการแพร่ระบาด โดยพบว่าหากเหตุการณ์ยังดำเนินต่อไปเช่นนี้ จะมีชาวอเมริกันเสียชีวิตจากโรค COVID-19 จำนวน 2,214 คนในวันที่ 15 เมษายนที่จะถึงนี้ โดยขอร้องให้ประชาชนชาวอเมริกันร่วมมือกันในการป้องกันการระบาดเพื่อไม่ให้มีจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น

 

ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อหลายสำนักทั่วโลก ที่ออกมาระบุว่าโรคโควิด 19 เป็นแค่เพียงไข้หวัดชนิดหนึ่ง และเขาก็ไม่ได้สร้างความตระหนักให้กับชาวอเมริกันให้ความสำคัญกับการป้องกันการระบาดจนทำให้เกิดการแพร่ระบาดจนมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก และถึงแม้ในขณะนี้ทรัมป์จะออกมายอมรับว่าชาวอเมริกันอาจจะต้องเผชิญกับปัญหาการระบาดอย่างหนักในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า แต่ก็ยังไม่มีการประกาศมาตรการที่เข้มข้นเพื่อป้องกันการระบาดแต่อย่างใด แต่ก็ได้มีการเตรียมประกาศไม่ให้สายการบินในประเทศทำการบินไปยังพื้นที่ระบาด

 

ในขณะที่สหรัฐฯ เตรียมรับมือกับจุดพีคสูงสุด แต่สำหรับสถานการณ์การระบาดในประเทศไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังคงมียอดผู้ติดเชื้อในระดับไม่ต่ำกว่า 100 คนทุกวัน โดยล่าสุด ณ วันที่ 2 เม.ย.63 ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวันว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 104 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสม 1,875 ราย เสียชีวิตรายใหม่เพิ่ม 3 ราย รวมผู้เสียชีวิตรวม 15 ราย และรักษาหายแล้ว 505 ราย

 

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก สธ. และโฆษก ศบค. จำนวนคนติดเชื้อในไทยยังคงไม่ต่ำกว่า 100 คน ซึ่งถือว่าเป็นยอดที่สุงและยังไม่ลดลง ดังนั้นประชาชนควรเคร่งครัดกับการปฏิบัติตามหลักป้องกันการระบาดอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้เมื่อวันที่ 26 มี.ค. ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้ประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ยอดผู้ติดเชื้อในไทยพุ่งสูงขึ้นแตะยอด 1,000 กว่าคน ซึ่งรัฐบาลหวังว่าการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะทำให้ชะลอยอดผู้ป่วยให้ไม่ถึง 3,500 คนในช่วงสิ้นเดือน เม.ย.

 

สำหรับจังหวัดที่พบผู้ป่วยจำนวนมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กทม. 850 ราย รองลงมาคือ นนทบุรี 104 ราย, สมุทรปราการ 72 ราย, ภูเก็ต 71 ราย, ชลบุรี 47 ราย และยะลา 35 ราย ทั้งนี้โฆษก ศบค. ระบุว่า จากการประเมินผู้ป่วยใน กทม. พบว่ามีโอกาสแพร่เชื้อไปยังผู้แวดล้อมได้ 1 ต่อ 3 คน จึงถือเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงมาก

 

กระทั่งเมื่อวันที่ 2 เม.ย. ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ออกประกาศบังคับใช้มาตรการเคอร์ฟิว ห้ามบุคคลทั่วไปออกจากเคหสถานทั่วประเทศตั้งแต่เวลา 22.00 น. ถึงเวลา 4.00 น. ของวันถัดมาโดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. เป็นต้นไป โดยจะอนุญาตเฉพาะผู้ที่มีความจำเป็นเท่านั้น โดยหวังที่จะลดจำนวนผู้ติดเชื้อหลังที่ยอดสูงขึ้นไม่ต่ำกว่า 100 คนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

ขอบคุณภาพจาก CNN

kinyupen