ยังคงเป็นปริศนา และข้อสงสัยไปทั่วโลกว่า ในขณะที่จีนและ เกาหลีใต้ ที่ถือว่าเป็นศูนย์กลางระบาดของโรคโควิด19 อย่างหนัก ประเทศเกาหลีเหนือ ซึ่งมีพรมแดนติดกับสองประเทศนี้มีผู้ติดเชื้อและเกิดการระบาดภายในประเทศบ้างหรือไม่ เพราะแม้ประธานาธิบดีคิม จอง อึน จะออกมาประกาศว่าเกาหลีเหนือไม่มีผู้ติดเชื้อ และยังคงดำเนินการทดลองขีปนาวุธของเขาต่อไป แต่การประกาศของคิมก็ยังมีข้อสงสัยอยู่ดี
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก สนใจในประเด็นนี้และนำมาเป็นประเด็นวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ว่า คำพูดของคิม เป็นจริงมากน้อยแค่ไหน โดยระบุว่า คิมเริ่มปิดชายแดนของเขาในเดือนมกราคมเพื่อหยุดยั้งไวรัส การค้าและการท่องเที่ยวที่ถูกกฎหมายถูกระงับทั้งหมด แต่ถึงอย่างนั้น “สหรัฐอเมริกา” ซึ่งเป็นคู่ปรับสำคัญของเกาหลีเหนือ กลับแสดงความมั่นใจว่า ในเกาหลีเหนือน่าจะมีการติดเชื้อแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง โดยพลเอกโรเบิร์ต อับรัมส์ผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐฯ ตั้งข้อสังเกตว่าเกาหลีเหนือ ไม่มีการเคลื่อนไหวกิจกรรมทางทหารอย่างเห็นได้ชัด โดยกองทัพเกาหลีเหนือหยุดการบินมากกว่า24 วันแล้ว ดังนั้นคาดว่าจะต้องมีอะไรแน่ๆ หรือไม่ก็จะต้องมีการติดเชื้อโควิดภายในประเทศ
บลูมเบิร์ก ยังวิเคราะห์อีกว่า ในประเทศเกาหลีเหนือมีระบบการแพทย์ที่ค่อนข้างแย่ สาเหตุจากการคว่ำบาตรของนานาประเทศ การจำกัดการค้า และ ข้อจำกัดทางเศรษฐกิจมามากกว่าหนึ่งทศวรรษ จึงเชื่อได้ว่าประชากรชาวเกาหลีเหนือน่าจะต้องประสบกับปัญหาด้านสุขภาพเรื้อรังหลายโรค ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เสี่ยงต่อการระบาด และนั่นอาจจะกลายเป็นหายนะทางมนุษยธรรมและประชาชนเสียชีวิตจำนวนมาก ด้วยความกังวลนี้ทำให้องค์กรช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ที่เป็นพันธมิตรของเกาหลีเหนือ เช่น รัสเซีย ได้รีบเร่งในเวชภัณฑ์และอื่น ๆ เพื่อเสนอความช่วยเหลือให้กับเกาหลีเหนือแล้ว
แม้ว่าเกาหลีเหนือจะปิดชายแดนกับเกาหลีใต้ ที่มีความยาวกว่า 1,420 กิโลเมตร แต่ฝั่งชายแดนที่ติดกับจีนนั้นกลับพบว่ามีรอยรั่วจำนวนมาก เพราะที่ผ่านมามีการข้ามแดนไปมาระหว่างพ่อค้าจีน และชาวเกาหลีเหนือเพื่อค้าขายในตลาดมืดมานานหลายปีแล้ว และนั่นอาจเป็นแหล่งนำไวรัสเข้าสู่เกาหลีเหนือ โดยสองจังหวัดใหญ่ที่สุดของจีนที่มีพรมแดนติดกับเกาหลีเหนือคือ เหลียวหนิงและจี๋หลิน
ข้อมูลของเกาหลีเหนือส่วนใหญ่ยังเป็นปริศนาของชาวโลก เพราะไม่ได้เปิดเผยข้อมูลใดๆ สู่โลกภายนอก แต่สิ่งที่เกาหลีเหนือพยายามสื่อสารอย่างเป็นทางการออกมาคือ ระบุว่า พวกเขาสามารถป้องกันไวรัสไม่ให้เข้าประเทศผ่านทางการฆ่าเชื้อโรคจำนวนมาก จากการตรวจสอบผู้คนมากกว่า 5,400 คน ยังไม่พบการติดเชื้อ แต่ข้อมูลนี้ก็ยังคงถูกตั้งของสงสัยจากแพทย์ในเกาหลีใต้โดยระบุว่าการปฏิเสธอย่างแข็งขันของเกาหลีเหนืออาจเป็นการหลอกลวงและซ่อนปัญหาการระบาดที่แท้จริง และยังแสดงความคิดเห็นด้วยว่า การขาดสารอาหารของชาวเกาหลีเหนือก็อาจจะทำให้การแพร่กระจายเชื้อโรคระบาดออกไปได้ง่ายด้วยเช่นกัน
ในอดีต เกาหลีเหนือได้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาสามารถกำจัดไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถึงขนาดที่องค์การอนามัยโลกออกมาชมเชย ในปี 2561 ในการกำจัดการแพร่ระบาดของโรคหัดได้สำเร็จ ดังนั้นหากเชื้อโคโรนาไวรัส ที่มีผู้คนติดเชื้อไปแล้วมากกว่า 166,000 คนทั่วโลก จะระบาดในเกาหลีเหนือ เป็นไปได้ว่าคิมอาจจะใช้วิธีการทางเผด็จการของเขาในการกำจัดการแพร่กระจายด้วย การแยกผู้คนที่ติดเชื้อออก และปิดพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างเด็ดขาดด้วยเช่นกัน โดยนานาชาติเห็นว่า เรื่องของสิทธิมนุษยชน หรือความกังวลเรื่องเสรีภาพทางสังคม ไม่ได้ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการจัดการปัญหาของเกาหลีเหนือ พวกเขาสามารถทำได้อย่างแน่นอน จากประสบการณ์ต่างๆ ที่เคยพิสูจน์มาแล้ว
อย่างไรก็ตาม ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมากองทัพเกาหลีเหนือ ได้ยิงขีปนาวุธระยะสั้นในบริเวณนอกชายฝั่งด้านตะวันออกอีก 2 ลูกต่อสัปดาห์ ทำให้ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ต้องออกมาประณามการกระทำนี้ ในขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นว่า การกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่เกาหลีเหนือพยายามจะแสดงเห็นว่าพวกเขายังคงอยู่กับความตั้งใจเดิมท่ามกลางการระบาดของเชื้อไวรัส โดยเจ้าหน้าที่ของเกาหลีเหนือไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ ต่อข้อเรียกร้องของสหประชาชาติ ที่ให้เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ร่วมมือกันในการต่อสู้กับโรคระบาด เช่นเดียวกับ เกาหลีใต้ ก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ ต่อกรณีนี้รวมถึง ประเด็นเกี่ยวกับการรายงานการติดเชื้อของเกาหลีเหนือเช่นกัน
บลูมเบิร์ก ระบุว่าต่อว่า ที่ผ่านมาเกาหลีเหนือมักจะไม่ต้องการความช่วยเหลือจากต่างประเทศในเวลาที่ต้องการบ่อยครั้งนัก แต่ทุกครั้งที่ต่างประเทศให้ความช่วยเหลือ เกาหลีเหนือก็มักจะกำหนดกรอบบริจาค และสื่อสารกับประชาชนในประเทศว่าพวกเขาได้รับความช่วยเหลือเหล่านั้นเป็นสิ่งของบรรณาการที่ต่างประเทศให้กับผู้นำไม่ใช่เพื่อการกุศล
ล่าสุดรัสเซียส่งมอบชุดทดสอบไวรัสให้กับเปียงยาง ขณะที่สหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนระหว่างประเทศเรียกร้องให้มีการยกเว้นการคว่ำบาตรเพื่อให้สามารถโอนเงินเข้าสำนักงานเกาหลีเหนือได้ และเกาหลีใต้ก็พร้อมที่จะช่วยเหลือเกาหลีเหนือเช่นกัน
ด้านองค์การอนามัยโลกกล่าวว่า พวกเขาไม่ได้คิดถึงเรื่องปัญหาความขัดแย้งได้ โดยวางแผนที่จะส่งอุปกรณ์และวัสดุสิ้นเปลืองไปยังเกาหลีเหนือ แม้แต่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ก็เสนอให้ส่งความช่วยเหลือและทำงานร่วมกับองค์กรระหว่างประเทศเพื่อป้องกันวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่เกาหลีเหนือด้วย
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UN Security Council) ซึ่งมีหน้าที่บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรที่เข้มงวดในเกาหลีเหนือได้ทำการยกเว้นด้านมนุษยธรรมเพื่ออนุญาตให้มีอุปกรณ์การแพทย์ ให้กับเกาหลีเหนือ เพราะเห็นว่าหัวใจสำคัญในตอนนี้คือการอนุญาตให้ใช้อุปกรณ์เพื่อให้ประชากร “ได้รับการปกป้อง” จากเชื้อโรคร้ายนี้
สื่อยังวิเคราะห์ว่า เกาหลีเหนืออาจเผชิญกับความท้าทายด้านสาธารณสุขที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่คิมเข้ายึดอำนาจในช่วงปลายปี 2554 หลังจากที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ออกมาระบุว่า “มันยากที่จะจินตนาการว่าเกาหลีเหนือจะสามารถหลบกระสุน COVID-19 ได้” หลังจากที่เข้าไปประสานงานกับเกาหลีเหนือเพื่อเตรียมการให้การช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกา
ขอขอบคุณภาพจาก : Reuter