ข้าวคลุกกะปิ อร่อยง่ายได้ 5 หมู่

0
1636
kinyupen

ข้าวคลุกกะปิ อีกเมนูคู่ครัวยอดนิยมของคนไทยที่ผสานความเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม รวมถึงความเผ็ดจากเครื่องเคียง  ผักสวนครัว และสมุนไพรต่างๆ เข้าด้วยกัน โดยมีกลิ่นหอมของกะปิที่นำมาคลุกกับข้าวเป็นตัวชูโรง ทั้งนี้นอกจากรสชาติที่ลงตัว ทานง่ายแล้ว ยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่หลากหลาย เรียกได้ว่าครบทั้ง 5 หมู่ในจานเดียว ซึ่งวันนี้ กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิต ขอนำเคล็ดลับเมนูอร่อยนี้มาฝากกัน

วัตถุดิบจำเป็น

  • องค์ประกอบหลัก ขาดไม่ได้ – ข้าวสวย ประมาณครึ่งกิโลกรัม (ควรหุงข้าวให้ไม่แฉะเกินไป) กะปิ 1 ช้อนโต๊ะสำหรับคลุกเคล้ากับข้าวสวยที่เราเตรียมมา
  • เครื่องเคียงสารพัดรส หมูสันนอก 3 ขีด น้ำมันพืชครึ่งช้อนชา กระเทียม (สับละเอียด) 1 ช้อนโต๊ะ ไข่ไก่ 3 ฟอง หอมแดงซอย 3 ช้อนโต๊ะ ตะไคร้ซอย 3 ช้อนโต๊ะ พริกขี้หนูซอย 10 เม็ด มะม่วงเปรี้ยว (สับละเอียด) 1 ถ้วยตวง ถั่วฝักยาวซอย แครอทซอย และกุ้งแห้งฝอย 1 ถ้วยตวง
  • เครื่องปรุง เติมหน่อยอร่อยแน่ – น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 1ช้อนชา

เริ่มเข้าสู่กระบวนการปรุง แยกกรรมวิธีออกเป็น 2 ส่วน

1.เคล็ดลับการผัดข้าว

นำกระทะมาตั้งไฟแล้วนำกระเทียมลงมาคั่วกับกะปิจนเริ่มสุกและส่งกลิ่นหอม ก่อนตักข้าวลงมาผัดคลุกเคล้า โดยอาจปรุงรสเล็กน้อยด้วยการเติมน้ำตาลทรายลงไป เพื่อลดความเค็ม เพิ่มความหอมให้กับข้าวคลุกกะปิ

2.การเตรียมเครื่องเคียง

ไข่เจียวซอย : ตั้งกระทะด้วยไฟอ่อน เทไข่ให้กระจายทั่วกระทะ พลิกไปมาจนรอจนไข่สุกดีแล้วนำมาม้วนเป็นท่อน ซอยให้บาง

หมูหวาน : นำน้ำตาลปี๊บลงไปเคี่ยวลงในกระทะ รอจนงวดเป็นสีน้ำตาล จึงนำเนื้อหมูสันนอกที่หั่นไว้ไปผัดรวมกันจนเนื้อหมูสุกได้ที่ โดยเหตุที่ไม่ใช้หมูสามชั้น เพราะจะมีความเหนียวลิ้นทานแล้วไม่อร่อย แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละท่านเป็นหลัก

เครื่องเคียงอื่นๆ : นำผักสวนครัว สมุนไพร อาทิ หอมแดง ถั่วฝักยาว แครอท แตงกวา มะม่วง ตะไคร้ พริกขี้หนูสวน หรือ อื่นๆ มาปอก หั่น ซอย รวมถึงกุ้งแห้งทอด เพื่อนำมาจัดวางพร้อมเสิร์ฟตามใจชอบ

ทราบหรือไม่ว่า “กะปิ” มีคุณค่าทางอาหารสูงมาก

ข้อมูลจากกองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า กะปิ 100 กรัม มีพลังงาน โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินเอ ไรโบฟลาวิน และไนอาซิน ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลากหลาย อาทิ แคลเซียมจากกะปิที่ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน วิตามินบี 12 ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง  และยังมีไขมันโอเมก้า 3 จึงช่วยเรื่องโลหิตอุดตันและโรคหัวใจด้วย อย่างไรก็ตาม หากบริโภคมากเกินไปให้ระวังในเรื่องของความเค็ม โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงและโรคไต

kinyupen