กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิต พาไปติดตามเรื่องราวของการจอดรถซ้อนคันแถมยังไม่ปลดเกียร์ว่างเป็นพฤติกรรมที่ผู้ใช้รถใช้ถนนไม่ควรพึงกระทำอย่างยิ่ง เพราะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น ๆ หากจำเป็นต้องจอดซ้อนคันหรือจอดขวางทางเข้า-ออก บ้านผู้อื่น สิ่งที่ต้องคำนึง คือ ตั้งพวงมาลัยให้ตรง ,ห้ามขึ้นเบรคมือ ,เข้าเกียร์ว่าง
“บ้านใครมีรถยนต์ บ้านนั้นอาจจะดูเป็นบ้านที่มีฐานะ” เนื่องด้วยค่านิยมที่ผิด ๆ ที่คนส่วนใหญ่หลงไหลไปกับวัตถุสิ่งของที่แสดงออกถึงสถานภาพและฐานะของตัวเอง มากไปกว่าการคำนึงถึงเรื่องของความจำเป็นในการนำมาใช้ชีวิต หลายคนเลือกที่จะซื้อรถยนต์แบรนด์หรู รูปลักษณ์สวยงาม แม้จะมีราคาแพงเท่าไหร่ก็ตาม ก็ยินดีที่จะจ่าย จนลืมคำนึงไปเลยว่า (1.) คุณมีความจำเป็นในการใช้รถมากแค่ไหน , (2.) การที่คุณจะซื้อรถยนต์สักคัน คุณขับรถเป็นแล้วหรือ? และ (3.) คุณมีวิธีรับมืออย่างไรหากรถของคุณเกิดอุบัติเหตุหรือเกิดปัญหาขึ้น
จากสถิติตัวเลขรถจดทะเบียนใหม่ป้ายแดงของช่วงต้นปี 2561 มีรถยนต์ส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่จำนวน 63,646 คัน รวมทั่วประเทศกว่า 8 ล้านคัน แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีผู้ใช้รถยนต์เป็นนจำนวนมาก จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า เพราะเหตุใด ทำไมประเทศไทยจึงติดโผอันดับ 1 ประเทศที่รถติดมากที่สุดในโลก นอกจากปริมาณผู้ใช้รถที่มีมากพอสมควร อีกปัญหาหนึ่งที่พบเจอกันบ่อยของผู้ใช้รถยนต์นั่นก็คือ เรื่องของการจอดรถในสถานที่ต่าง ๆ ที่มักจะพบปัญหา อาทิ ปัญหาการแย่งที่จอดรถ , จอดรถคร่อมเลน , จอดรถหน้าประตูรั้วบ้านผู้้อื่น และที่ร้ายแรงไปกว่านั้นก็คือ การจอดรถซ้อนคันแบบไม่ปลดเกียร์ว่าง อันนี้เดือดร้อนผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นเขาอย่างแรงเลย
การจอดรถซ้อนคันแถมยังไม่ปลดเกียร์ว่างเกิดขึ้น ไม่ว่าจะสถานที่ไหนก็ตาม อาจจะสถานที่สาธารณะ , คอนโด รวมไปถึงภายในตรอกในซอยที่มีบ้านพัก เป็นต้น เป็นพฤติกรรมที่ผู้ใช้รถใช้ถนนไม่ควรพึงกระทำอย่างยิ่ง จริง ๆ แล้วการมีรถยนต์คุณต้องรู้ถึงกฎระเบียบจราจรอยูแลว้ว่าสิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ แต่พฤติกรรมดังกล่าวคนขับบางคนอาจจะคิดไปเองว่า “ไม่เป็นไรหรอก” “นิดเดียวเอง” แต่แท้จริงแล้ว ความคิดมักง่ายดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็น เจ้าของบ้านที่ถูกรถยนต์มาจอดขวางหน้าบ้าน , เจ้าของรถยนต์ที่จอดรถในช่องที่จอดรถ แต่ถูกรถยนต์จอดซ้อนคัน ทำให้เขาเหล่านั้นต้องเสียเวลาในการเดินทางไปอีกสถานที่ เพราะต้องมานั่งรอเจ้าของรถที่จอดรถซ้อนคันและไม่ปลดเกียร์ว่างมาเลื่อนรถให้ จนสุดท้าย คนที่เดือดร้อนอาจจะเดือดสุด ๆ ถึงขั้นเขียนโน๊ตด่า , ถ่ายรูปโพสต์ประจาน , แจ้งตำรวจจับ ฯลฯ จนเกิดเป็นเรื่องเป็นราวที่อาจจะทำให้เกิดการบาดหมางกันขึ้น
ยกตัวอย่างเคสของบ้านป้าทุบรถ ภายในซอยสวนหลวง ร.9 ที่ต้องฉุนสุดขีด เมื่อมีรถกระบะมาจอดขวางทางเข้า-ออกหน้าบ้าน ทั้ง ๆ ที่มีป้ายติดเอาไว้ชัดเจนว่า “ห้ามจอด” แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนตระหนักเลย สุดท้ายจนกลายเป็นเรื่องนำขวานไปฟันรถ กระทั่งมีคลิปเผยแพร่ไปทั่วโลกออนไลน์ เรื่องนี้น่าเห็นใจคุณป้ามาก เพราะคุณป้าเจอปัญหานี้มานานหลายปี โดยเฉพาะการพาคนในครอบครัวไปโรงพยาบาล แต่ก็ต้องมาเจอกับพวกจอดรถมักง่ายแบบนี้
ล่าสุด เกิดขึ้นกับดาราดังอย่าง ดร.นาวิน ต้าร์ และภรรยา ที่ถูกสองผัวเมียขับรถมาจอดรถซ้อนคันแถมยังไม่ปลดเกียร์ว่าง จนทำให้รถยนต์ของดาราดังและภรรยาไม่สามารถขับออกไปได้ เพราะถูกคู่กรณีจอดขวาง กระทั่งต้องรอหลายชั่วโมงกว่าคู่กรณีจะมาเลื่อนรถให้ แต่เรื่องยังไม่จบแค่นี้ เพราะคู่กรณีได้โพสต์ข้อความตำหนิดาราดังและภรรยาว่าทำไมต้องเขียนโน๊ตด่าด้วย งานนี้ชาวโซเชียลฯ เห็นใจดาราดังและภรรยา โดยเข้ามารุมตำหนิสองผัวเมียผู้ก่อเหตุ จนสุดท้ายทั้งคู่ยอมสำนักผิด ขอโทษดาราดังและภรรยาในที่สุด
ปัญหาการจอดรถซ้อนคันและไม่ปลดเกียร์ว่าง อาจจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เป็นปกติ ในกรณีที่มีความจำเป็นจริง ๆ แต่หากคุณจะจอดรถแบบนี้ ขอให้คำนึงถึงสิ่งที่ควรปฏิบัติ หากจำเป็นต้องจอดซ้อนคัน หรือจอดขวางทางเข้า-ออก บ้านผู้อื่น สิ่งที่ต้องคำนึง คือ ตั้งพวงมาลัยให้ตรง ,ห้ามขึ้นเบรคมือ ,เข้าเกียร์ว่าง
ตั้งพวงมาลัยให้ตรง : เมื่อได้ที่จอดรถแล้ว ควรตรวจสอบว่า ล้อรถของเราตั้งตรงหรือไม่ ผู้อื่นจะได้เลื่อนรถของเราได้หากกรณีจอดขวางโดยไม่ได้ตั้งใจ
ห้ามขึ้นเบรคมือ : ก่อนจะลงจากรถ ลองตรวจสอบให้ละเอียดก่อนว่า เราขึ้นเบรคมือไว้หรือไม่ เพื่อที่จะได้ไม่ทำให้รถยนต์คันที่จอดอยู่ข้างในเดือดร้อน ขับออกมาไม่ได้ เพราะถูกรถของคุณจอดขวางอยู่
เข้าเกียร์ว่าง : ทุกครั้งที่จอดรถอย่าลืมเข้าเกียร์ว่างทุกครั้ง เพราะจะได้ทำให้ผู้อื่นสามารถเลื่อนรถของคุณได้ หากจอดขวาง
ดังนั้น ไม่ว่าจะเร่งหรือรีบแค่ไหน การจอดรถซ้อนคันไม่ว่าจะแปปเดียวหรือนานเป็นชั่วโมง ผู้ขับขี่ควรตรวจสอบให้ดีว่า ตั้งพวงมาลัยให้ตรง ,ห้ามขึ้นเบรคมือ ,เข้าเกียร์ว่าง แล้วหรือยัง ส่วนใหญ่ที่ยังคุ้นชินกับพฤติกรรมการจอดรถซ้อนคันแถมยังไม่ปลดเกียร์ว่าง ขอให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าวแล้วเปลี่ยนพฤติกรรม โดยใส่ใจระเบียบวินัยกาใช้รถให้มากยิ่งขึ้น นึกเอาไว้ว่า “ใจเขา ใจเรา” ถ้าวันหนึ่งเราตกอยู่ในภาวะที่โดนจอดรถขวาง เราจะรู้สึกอย่างไร? มาร่วมกันสร้างวินัยจราจรที่ดี ลดความเดือดร้อน เพิ่มความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกันดีกว่า และนี่คือหนึ่งในวิถีแห่ง กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิต