เพราะ “โรคเอดส์” ไม่ได้ติดกันง่ายๆ โปรดอย่าเอาฉันมาทิ้ง “วัดพระบาทน้ำพุ”

0
552
kinyupen

“โรคเอดส์” โรคชนิดหนึ่งที่บางคนเข้าใจผิด มีความเชื่อที่ผิด กลัวว่าหากอยู่ใกล้ผู้ป่วยที่เป็นโรคเอดสืหรือติดเชื้อเอชไอวีแล้วจะติดเชื้อได้ สุดท้าย “วัดพระบาทน้ำพุ” ก็เป็นสถานที่ที่ผู้ป่วยถูกนำมาทิ้งไว้ที่นี่

“วัดพระบาทน้ำพุ” สถานที่ที่เมื่อพูดถึงชื่อวัดแห่งนี้แล้ว ก็จะถึงนึกผู้ป่วยที่เป็น “โรคเอดส์” หรือติดเชื้อเอชไอวี เมื่อมีผู้ป่วยที่เป็น “โรคเอดส์” หรือติดเชื้อเอชไอวี ที่นี่จะเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่รับผู้ป่วยในการรักษา บางคนก็ไม่กล้าเข้าไปที่วัดแห่งนี้ เพราะความเชื่อผิดๆ ที่กลัวว่าจะติดเชื้อ ซึ่งนั่นเป็นความคิดที่ล้วนคิดกันไปเองทั้งนั้น

ความเชื่อผิดๆ ที่ได้ยินกันมาจากรุ่นสู่รุ่นที่ว่า “อย่าไปอยู่ใกล้คนเป็นเอดส์ เดี๋ยวติด” เป็นประโยคที่ถือได้ว่าค่อนข้างเจ็บปวดอย่างมากในมุมของผู้ป่วย ที่นอกจากต้องทุกข์ทรมานกับการเป็นโรคเอดส์หรือติดเชื้อเอชไอวีแล้ว ยังต้องมาเจ็บปวดกับคำพูดและการกระทำที่แสดงออกถึงความรังเกียจจากคนรอบข้าง ในส่วนของคนรอบข้างเอง ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัวหรือแม้แต่เพื่อนฝูง บางรายมีทัศนคติที่ดี เปิดใจยอมรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวี เพราะความจริงแล้ว “เอชไอวี” ไม่ได้ติดกันง่ายๆ เหมือนไข้หวัดซะหน่อย ดูแลเขาให้เขามีกำลังใจที่ดี และสามารถต่อสู้กับเชื้อเอชไอวีได้ ถึงแม้ว่าอาจจะไม่หายขาด 100% แต่ก็ช่วยทุเลาอาการได้ แต่คนรอบข้างบางคนที่มีทัศนคติเชิงลบ ที่เมื่อรู้ว่าคนในครอบครัวเราหรือเพื่อนเราติดเชื้อเอชไอวี ถึงกับต้องออกห่างตัวเขา ไม่กล้าเข้าไปใกล้ แม้แต่ในรัศมีวงกลม 10 เมตรยังไม่กล้าจะเข้าไปเลย เพราะอะไร ก็เพราะความเชื่อผิดๆ ที่ต่างคิดไปเองล้วนๆ สุดท้าย “วัดพระบาทน้ำพุ” ก็กลายเป็นที่ที่เขาผู้นั้นต้องมาอยู่ที่นี่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย ไร้การดูแลจากครอบครัวและเพื่อน

ล่าสุด เพิ่งเป็นข่าวไปหมาดๆ กับกรณีที่มีการแชร์ภาพของผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวี ถูกนำมาทิ้งที่บริเวณหน้าวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมทั้งที่นอนและเสื้อผ้า ช่างเป็นภาพที่น่าสลดใจยิ่งนัก เพราะอะไรถึงต้องรังเกียจกันถึงขนาดนี้ จนถึงขั้นต้องนำมาทิ้งไว้ที่วัดพระบาทน้ำพุ จะว่าไปชีวิตของผู้ป่วยที่ถูกทิ้งในลักษณะแบบนี้คงไม่ต่างอะไรกับสุนัขเร่ร่อน ที่คนเลี้ยงเบื่อหน่ายแล้วก็เอามาปล่อยทิ้ง โยนทิ้ง แบบไม่เหลือเยื่อใยที่มีกันเลย

“โรคเอดส์” (AIDS : Acquired Immune Deficiency Syndrome) เป็นอาการของโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ชื่อว่า “ฮิวแมนอิมมิวโนเดฟีเชียนซีไวรัส” (Human Immunodeficiency Virus : HIV) หรือ เอชไอวี (HIV) เชื้อดังกล่าวเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะเข้าไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งเม็ดเลือดขาวในร่างกายทำหน้าที่ในการกำจัดสิ่งแปลกปลอม หรือเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายแล้วนำไปทำลาย เมื่อเซลล์เม็ดเลือดขาวถูกทำลาย จึงทำให้ผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อเอชไอวีมีภูมิคุ้มกันต่ำลง ในที่สุดร่างกายไม่มีภูมิคุ้มกันเพียงพอในการป้องกันร่างกายจากเชื้อโรคภายนอก ทำให้ผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวีนั้นสามารถติดเชื้อได้ง่ายกว่าคนปกติ ส่งผลให้เป็นโรคอื่นๆ ตามมา อาทิ วัณโรค ปอดบวม ติดเชื้อในกระแสโลหิต เชื้อรา ฯลฯ เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันถูกทำลาย จึงไม่สามารถกำจัดเชื้อโรคออกจากร่างกายได้

ส่วนความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับโรคเอดส์นั้น ขอให้ทำความเข้าใจกันเสียใหม่ จริงๆ แล้ว โรคเอดส์เป็นโรคที่ไม่สามารถติดต่อได้จากการสัมผัส ไม่สามารถติดต่อกันผ่านการกอดหรือการสัมผัสภายนอกร่วมกัน เช่น การใช้ห้องน้ำร่วมกัน หรือใช้อุปกรณ์รับประทานอาหารร่วมกัน ขณะเดียวกัน เชื้อเอชไอวียังไม่สามารถติดต่อผ่านลมหายใจหรือผ่านอากาศ และไม่ได้ติดต่อผ่านพาหะนำโรค เช่น ยุง แต่สาเหตุหลักๆ ของการติดเชื้อเอดส์หรือเอชไอวีนั้น เกิดจาก การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย และมีข้อมูลยืนยันชัดเจนว่า กว่า 80% ผู้ป่วยจะติดเชื้อเอดส์จากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้รับการป้องกัน

จะเห็นได้ว่า โรคเอดส์เป็นโรคติดต่อร้ายแรง ก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายตามมาอย่างมาก ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุดคือ การป้องกันการติดเชื้อ ด้วยการสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งก่อนการมีเพศสัมพันธ์ การมีคู่นอนเพียงคนเดียว และการงดใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น แค่นี้คุณก็ปลอดภัยจากการติดเชื้อเอดส์หรือเอชไอวีได้มากขึ้นแล้ว

ปัจจุบัน มียาต้านไวรัส “เอชไอวี” ไว้รับประทาน แต่ก็ไม่ได้มีการออกมายืนยันว่า จะหายขาดจากการติดเชื้อ 100% เพียงแค่ช่วยทุเลาและสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย ทำให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นได้ปกติ ยืนยันเลยว่าไม่ได้ติดกันง่าย ๆ สุดท้าย ขอให้ทุกคนเปิดใจ ให้โอกาส ให้พวกเขาได้มีที่ยืนในสังคมบ้าง ขอให้ “วัดพระบาทน้ำพุ” เป็นเพียงทางผ่านให้พวกเขามาพักฟื้น แล้วกลับไปใช้ชีวิตปกติในสังคม ครอบครัว เพื่อนฝูงอย่างมีความสุข

kinyupen