รู้หรือไม่? “กัญชา” ไม่ใช่ยาเสพติดที่ให้โทษ สนองความต้องการของเหล่านักเสพ แต่มีประโยชน์ทางการแพทย์ ช่วยรักษาอาการต่างๆ ได้ อาทิ อาการไอ อ่อนล้า โรคข้อ ไมเกรน โรคมะเร็ง และการเจ็บปวดต่างๆ เป็นต้น
เมื่อพวกถึงยาเสพติด หลายคนก็จะนึกถึง ยาบ้า ยาอี โคเคน ฝิ่น บุหรี่ เหล้า หรือแม้กระทั่งสมุนไพรอย่าง “กัญชา” ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งในสารเสพติดที่ผิดกฎหมาย เนื่องจากัญชามีฤทธิ์ในการทำลายเซลล์ประสาทของสมอง นักเสพยาทั้งหลายจึงเลือกใช้กัญชาไปในทางที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากกัญชาเป็นสมุนไพรที่หาได้ง่ายตามผืนป่า ความต้องการของนักเสพยาก็เพื่อทำให้ตนอยู่ในอาการเคลิ้ม สนุก ร่าเริง ผู้เสพบางคนถึงขั้นเอากัญชาไปสอดไส้ในบุหรี่ เพื่อให้ตนสามารถสูบได้ทุกทีที่ต้องการอีกด้วย และหากใช้ในปริมาณมากๆ นักเสพก็จะกลายเป็นคนวิกลจริตทางจิตได้
แต่ในความเป็นจริงแล้ว “กัญชา” ไม่ใช่แค่ว่ามีเพียงโทษแต่อย่างเดียว ประโยชน์ของมันก็มี เพราะในทางการแพทย์นั้น “กัญชา” สามารถนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการรักษาอาการต่างๆ ได้ อาทิ อาการไอ อ่อนล้า โรคข้อ ไมเกรน และโรคมะเร็ง เป็นต้น นอกจากนี้ ข้อมูลวิชาการ ได้ระบุว่า กัญชาสามารถใช้ในทางการแพทย์ใน 4 กลุ่มโรค คือ รักษาอาการคลื่นไส้ในผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ให้คีโม , โรคลมชักในเด็ก , ปลอกประสาทอักเสบ และ อาการปวดอื่นๆ ที่เดิมต้องใช้มอร์ฟีนในการบรรเทาอาการปวดต่างๆ ด้วย
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่ากระทรวงสาธารณสุขเตรียมออกกฎกระทรวงปลดล็อก “กัญชา” พ้นจากพืชยาเสพติด คาดว่าจะสามารถปลดล็อกให้ใช้กัญชาเพื่อการรักษาโรคทางการแพทย์ได้ภายในปี 2562 โดยนายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ระบุว่า หากให้กัญชาสามารถปลูกได้ถูกต้องตามกฎหมาย จะสามารถสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรได้เป็นอย่างดี และไม่ใช่แค่ประเทศไทยเท่านั้นที่เตรียมให้สามารถปลูกกัญชาได้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ถูกจัดอยู่ในวงจัดกัดใช้ประโยชน์ในวงการแพทย์เพื่อรักษาโรคเท่านั้น ไม่สามารถใช้การอย่างอื่นได้ ขณะเดียวกัน ในหลายประเทศทั้งยุโรป สหรัฐอเมริกา อเมริกาใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ได้ปลดล็อกพืชกัญชาพ้นจากยาเสพติดเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ใช้ในวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันเท่านั้น
นอกจากนี้ ประโยชน์ของกัญชา ไม่ใช่มีเพียงแค่ในทางการแพทย์เท่านั้น แต่กัญชาได้ถูกนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมมากกว่า 25,000 ชนิด ,สามารถนำมาทำเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์ได้ ,สามารถมาใช้เป็นส่วนผสมลงในอาหาร เพื่อทำให้อาหารมีรสชาติที่อร่อยยิ่งขึ้น และกัญชายังมีประโยชน์ในด้านของการฝึกโยคะ ซึ่งช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง แก้ปัญหาความเครียดได้ โดยปัจจุบันในห้องเรียนโยคะจะมีการใช้กัญชาผสมผสานกับการทำโยคะ เพื่อช่วยสร้างความผ่อนคลายได้มากขึ้น
เห็นไหมว่า “กัญชา” ไม่ใช่แค่ยาเสพติดที่ให้โทษแก่มนุษย์ แต่ถ้ามองในทางกลับกัน ถ้านำมาใช้อย่างถูกวิธี “กัญชา” ก็สามารถนำมาใช้ในทางการแพทย์ เพื่อช่วยรักษาและต่อชีวิตมนุษย์ได้ นี่คือหนึ่งในวิถีแห่ง กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิต