มหันตภัย “ไวรัส” ล้างโลก เรื่องจริง…ที่ต้องเตรียมรับมือ

0
490
kinyupen
เรามักคิดไม่ถึง เวลาที่ดูหนังเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อโรคที่ทำให้มีคนป่วยและล้มตายทั้งเมือง ที่ไม่ตายก็กลายเป็น “ซอมบี้” สามารถแพร่เชื้อไปสู่คนอื่นๆได้ อย่าง เกาะไวรัสล้างโลก หรือ 28  Days After  ว่าวันหนึ่ง เรื่องที่เคยเห็นในหนังจะกลายมาเป็นเรื่องจริงที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับเราได้

 

แต่แล้วเมื่อศตวรรษที่ 21 เริ่มต้นขึ้น ข่าวการระบาดของโรคต่างๆ เริ่มเกิดขึ้นจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่ง มีคนตายจากการติดเชื้อไวรัสชนิดต่างๆเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในหลายแห่งของโลก ถึงขั้นที่ขาดแคลนยา และวัคซีนในการรักษาป้องกันโรคเหล่านี้

ล่าสุด กระทรวงสาธารณสุขไทย ออกประกาศเตือน และเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนก สายพันธุ์ A (H7N4) ในต่างประเทศ ซึ่งเป็นเชื้อที่ไม่เคยพบมาก่อน จากเดิมที่ไข้หวัดนกเป็นการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ A H 5 N 1

นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆสำหรับการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส ที่ก่อให้เกิดโรคระบาดทั้งในคนและในสัตว์

 

เมื่อเร็วๆนี้ ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐอเมริกา (CDC) ออกประกาศเตือนภัย การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ใน 47 รัฐ ทั่วประเทศ ส่งผลให้ชาวอเมริกันจำนวนมากพากันตื่นตระหนก ขณะที่ประเทศไทยในช่วงปี 2560 จนถึง ต้นปี 2561 มีรายงานผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่แล้วมากกว่า 2 แสนราย

3-4 สัปดาห์ในช่วงต้นปี ตัวเลขผู้ป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่ในในรัฐต่างๆของสหรัฐอเมริกาพุ่งสูงขึ้นจนน่าตกใจ แม้แต่ในมหานครนิวยอร์ก ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีความเจริญติดอันดับต้นๆของโลก มีผู้คนจากทั่วโลกเดินทางเข้าออกนับหมื่นคนต่อวัน ยังมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุข จาก ผู้ว่าการัฐ หลังการระบาดของโรคขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ โรงพยาบาลหลายแห่ง ต้องตั้งเต็นท์หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน บริเวณนอกโรงพยาบาล เพื่อรองรับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่สถานพยาบาลหลายแห่งเริ่มขาดแคลนยาและวัคซีนต้านไวรัส โดยเฉพาะยาทามิฟูล(Tamiflu) ซึ่งเป็นยาที่ใช้ในการรักษาไข้หวัดใหญ่ ก็เริ่มหายากขึ้น

 

ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐอเมริกา (CDC) ออกมาแสดงความวิตกถึงสถานการณ์ระบาดของไข้หวัดใหญ่ดังกล่าว โดยยืนยันว่า การระบาดครั้งนี้ เป็นเรื่องไม่ปกติ สำหรับไวรัสไข้หวัดใหญ่ ที่ปกติจะระบาดในช่วงเดือนกุมภาพันธุ์ แต่กลับพบว่าปีนี้มีการระบาดในเดือนมกราคม เร็วกว่าปกติถึง 1 เดือน ซึ่งยังเป็นช่วงที่อากาศหนาวเย็น นั่นหมายความว่า ไวรัสจะแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น และ อยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานขึ้น

CDC ถึงกับยอมรับว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดครั้งนี้ น่าจะรุนแรงที่สุด เมื่อเทียบกับเมื่อปีที่แล้ว โดยการระบาดขยายวงกว้างออกไปจาก 12 รัฐ กลายเป็น 47 รัฐทั่วสหรัฐอเมริกา ถือเป็นวิกฤตไข้หวัดใหญ่ที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 9 ปีของสหรัฐฯ

เหยื่อรายสำคัญของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่คราวนี้เป็นเด็กและเด็กเล็ก คนที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป และหญิงตั้งครรภ์ ที่ส่วนใหญ่เมื่อติดเชื้อและไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที จะเสียชีวิตด้วยโรคแทรกซ้อนอย่างปอดบวม หรือการติดเชื้อในทางเดินหายใจและกระแสเลือด

แพทย์ผู้เชียวชาญ บอกว่า การเพิ่มขึ้นของไข้หวัดใหญ่ในช่วงนี้มีความรุนแรงผิดปกติและพลเมืองส่วนใหญ่ในสหรัฐฯกำลังเผชิญกับไวรัสสายพันธ์อันตรายรุนแรง ซึ่งวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทั่วไปไม่สามารถยับยั้งเชื้อได้

 

เจฟฟ์ คว็อง นักวิทยาศาสตร์จากจากสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ในโตรอนโต บอกว่า กลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังในการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่มากที่สุด  คือ เด็กและผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป ทั้งนี้ ผู้สูงอายุที่ติดเชื้อหรือล้มป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะหัวใจวายได้มากกว่าคนที่ไม่ติดเชื้อ

จากสหรัฐอเมริกา ข้ามมาที่ประเทศจีน ศูนย์ไข้หวัดใหญ่แห่งชาติจีนรายงานการระบาดของไข้หวัดใหญ่ ที่พบว่า ไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่พบในจีนเป็นเชื้อไวรัสสายพันธุ์หายาก  เป็นสายพันธุ์ที่แทบไม่มีการพบมาก่อนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้ป่วยมีแนวโน้มที่จะขาดแคลนภูมิคุ้มกันต่อไวรัส

นอกจากไข้หวัดใหญ่ และไข้หวัดนก แล้ว ไวรัสที่ทำให้เกิดอาการเลือดออก หรือที่เรียกกันว่า “ไข้เลือดออก” ซึ่งมีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสหลายสายพันธุ์ ทั้งเดงกี่ มาร์บวร์ก และอีโบล่า โดยเฉพาะอีโบล่า ซึ่งเคยเห็นกันแต่ในหนัง ก็มีการพบว่า เริ่มกลายพันธุ์แล้ว ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาภายหลังพบผู้ป่วยในประเทศเซเนกัล ที่ติดเชื้ออย่างรุนแรง ต่อจากกินี เซียร์ราลีโอน และไลบีเรีย ทำให้องค์การอนามัยโลก (WHO)ต้องออกประกาศเตือน พร้อมกับยอมรับว่า ไม่สามารถควบคุมการระบาดของโรคนี้ได้แล้ว และยังพบด้วยว่า เชื้อไวรัสอีโบล่า ที่ทำให้เกิดการเลือดออกนั้น ได้ “กลายพันธุ์”แล้ว

วารสารการแพทย์ “ไซแอนซ์” ซึ่งตีพิมพ์ผลงานของ ปาร์ดิส ซาเบติ (Pardis Sabeti) จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) และสถาบันบอร์ด (Broad Institute)ซึ่งเป็นทีมนักวิจัยระดับโลก ระบุว่า หลังทำการตรวจพันธุกรรมเชิงลึกของเชื้ออีโบล่าสายพันธุ์ซาร์อีร์ พบว่า มีการกลายพันธุ์มากกว่า 300 ตำแหน่งในระดับพันธุกรรม โดยน่าจะมีการกลายพันธุ์ระหว่างแพร่กระจายจาก “คนสู่คน”

 

หลังข้อมูลดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ผู้เชียวชาญด้านไวรัสวิทยาจากทั่วโลก พากันตื่นตระหนก พร้อมกับยืนยันว่า นี่คือ ..สัญญาณเตือนของมหันตภัยไวรัส..กลายพันธุ์ ที่น่ากลัวมาก เพราะโดยปกติแล้ว ไวรัสจะไม่กลายพันธุ์รวดเร็วและรุนแรงขนาดนี้

คณะนักวิจัยจากสถาบันปาสเตอร์ ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นคนกลุ่มแรกๆ ที่แจ้งเตือนเรื่องการระบาดของเชื้ออีโบล่าพบว่ามีผู้ติดเชื้ออีโบล่ามากกว่า 22,000 ในจำนวนนี้กว่า 8,700 คน เสียชีวิต

 

และนี่ คือ สัญญาณเตือนว่า ไวรัสในโลกพร้อมที่จะปรับตัว กลายพันธุ์ และ ทำลายล้างมนุษยชาติ เหมือนกับอีโบลา กำลังดัดแปลงตัวเองเพื่อสู้กับภูมิคุ้มกัน ยา และ วัคซีน ที่มนุษย์คิดค้นขึ้น…!!!

 

ซึ่งหากพวกมันกลายพันธุ์ไปมากกว่าเดิม นั่นหมายถึง ยาหรือวัคซีนที่หลายบริษัทกำลังพัฒนา เพื่อนำมาป้องกันและรักษาโรคที่เกิดจากไวรัส จะใช้ไม่ได้ผลในทันที และมนุษย์จะไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องเผชิญกับการติดเชื้อไวรัสพวกนี้อย่างง่ายดายมากขึ้น…เท่านั้น

 

kinyupen