“โรคขาดความรัก” กับทฤษฎีความเหงา

0
4862
kinyupen

“โรคขาดความรัก” ส่วนหนึ่งเกิดจาก “ความเหงา” เข้ามาแผ้วพานในจิตใจ เมื่อถูกสะสมมาเป็นเวลานานๆ ก็จะยิ่งพอกพูนมากขึ้น จนอาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพในระยะยาว

 

“อยู่คนเดียวมันเหงา….ใครเข้าใจบ้าง” ช่วงสิ้นปีอาจมีใครๆ กำลังวางแผนเดินทางท่องเที่ยว ทำภารกิจนู่นนี่มากมาย แต่ยังมีคนอีกจำนวนมากที่ต้องเผชิญกับความเหงา เพราะขาดคนข้างกาย ขาดอ้อมกอดที่อบอุ่นจากใครสักคน

 

การที่รู้สึกว้าเหว่ โดดเดี่ยวเดียวดายเสมือนว่าตนเองนั้นต้องอยู่คนเดียว ไม่ได้รับการดูแลที่ดี หรือ ไม่ได้รับความสนใจจากคนรอบข้าง จนส่งผลให้ความเหงาบังเกิดขึ้น นั่นเป็นเพราะมนุษย์เกิดมาย่อมต้องการความรัก ความเอ็นดู ความใส่ใจจากคนรอบข้าง เพื่อสร้างกำลังใจและแรงจูงใจของตัวเราเองในการดำเนินชีวิตหรือกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด

คนที่ต้องเผชิญอยู่กับความเหงาบ่อยๆ นานๆ หากบางคนมีภูมิคุ้มกันที่ดี ก็อาจจะรับมือและหาวิธีใช้ชีวิตเพื่อให้ไม่เดือดร้อนตนเอง หรือ คนรอบข้าง แต่ถ้าคนไหนไม่มีภูมิคุ้มกันทางจิตใจเนี่ยสิอันตรายมาก เพราะว่าเข้าข่าย “โรคขาดความรัก” ก็ว่าได้

 

โรคขาดความรัก ส่วนหนึ่งเกิดจากความเหงาเข้ามาแผ้วพานในจิตใจ เมื่อถูกสะสมมาเป็นเวลานานๆ ก็จะยิ่งพอกพูนมากขึ้น และอาการของโรคก็จะแสดงออกมา ซึ่ง “ความเหงา” นั้นมีนิยามจากนักวิชาการซึ่งอธิบายไว้ว่า เป็นความรู้สึกโศกเศร้าที่มาพร้อมกับการรับรู้ความโดดเดี่ยว

ส่วนการที่บุคคลจะมีความเหงาในระดับใดนั้น ขึ้นอยู่กับว่ามีเหตุปัจจัยใดที่ผลักดันให้ตนเองนั้นคิดปรุงแต่งไปมากน้อยเพียงใด ความเหงาอาจส่งผลให้เกิดอาการซึมเศร้า โดดเดี่ยว แยกตัวออกมาจากสังคม กระทบต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว รวมไปถึงสุขภาพที่อาจลุกลามต่อเป็นโรคข้างเคียงอย่างโรคซึมเศร้า เจ็บป่วย หรือ ภูมิคุ้มกันในร่างกายลด ถ้าใครรู้ตัวว่ากำลังเหงา รู้สึกเศร้า โดดเดี่ยวเดียวดายเหมือนอยู่ตัวคนเดียว คุณอาจจะกำลังเผชิญกับ “โรคขาดความรัก” อยู่ก็ได้ ฉะนั้นอย่ารอช้า มาทำความรู้จักกับโรคขาดความรักกันดีกว่า

 

รู้หรือไม่โรคขาดความรัก = ฮิสทีเรีย!

ช้าก่อนอย่าเพิ่งตกใจไป…โรคฮิสทีเรีย (Histeria) ไม่ใช่โรคขาดผู้ชายไม่ได้ หรือ ขาดความต้องการทางเพศไม่ได้แบบที่เราเคยเข้าใจ นั่นเป็นความเชื่อที่ผิด ผิดและผิด !!

มาทำความเข้าใจกันเสียใหม่ “โรคขาดความรัก” หรือ “ฮีสทีเรีย” คือ โรคทางจิตเวชประเภทหนึ่ง โดยผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีปัญหาด้านการควบคุมอารมณ์ ความคุมพฤติกรรม หรือ ควบคุมความวิตกกังวลของตัวเองได้ไม่ดีเท่าคนปกติเช่นกัน โดยมีอยู่ 2 ลักษณะ คือ 1.โรคบุคลิกภาพแบบฮิสทีเรีย (Histrionic Personality Disorder: HPD) 2.โรคประสาทฮิสทีเรีย (Conversation Reaction) พบได้ทั้งเพศชายและเพศหญิง แต่การแสดงออกทางอาการจะต่างกัน

 

คนแบบไหนเข้าข่ายขาดความรัก

กลุ่มแรก “โรคบุคลิกภาพแบบฮิสทีเรีย” จะพยายามเรียกร้องความสนใจมากเสียจนเหมือนเล่นละคร ยั่วยวน แสดงออกเพื่อดึงดูดความสนใจจากคนรอบข้าง เนื่องจากมีความเป็นเด็กในตัวสูง ส่วนหนึ่งมาจากการขาดความรัก ความอบอุ่นในวัยเด็ก ทำให้พวกเขาโหยหาความรักอยู่ตลอดเวลา โดยกลุ่มนี้จะสามารถพบได้บ่อยกว่าโรคประสาทฮิสทีเรีย

กลุ่มสอง “โรคประสาทฮิสทีเรีย” เวลาที่มีความเครียด หรือ กังวลใจมากๆ จะเกิดอาการผิดปกติที่ระบบการเคลื่อนไหว หรือ การรับรู้ เช่น อัมพาต กล้ามเนื้ออ่อนกำลัง ชาที่แขนและขา พูดไม่มีเสียง พูดไม่ได้ ตามองไม่เห็น กล้ามเนื้อกระตุก สูญเสียความจำบางเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจจนไม่ต้องการรับรู้ จำชื่อตัวเองไม่ได้ จำเวลา สถานที่ บุคคลไม่ได้ แต่เมื่อผู้ป่วยตรวจร่างกายอาจจะไม่พบความผิดปกติใด เพราะนั่นเกิดจากจิตใจของผู้ป่วยเองไม่ได้มากจากโรคจริงๆ นั่นเอง

สำหรับใครที่เข้าข่ายโรคขาดความรัก หรือ ฮีสทีเรีย อย่าเพิ่งเครียดหรือตกใจ ทุกปัญหามีทางออก โดยควรเข้าพบจิตแพทย์เพื่อปรึกษาหาวิธีแก้ปัญหา อย่ากลัว หรือ อย่าอายที่จะเข้าพบจิตแพทย์แล้วจะถูกล้อว่าเป็นคนป่วยทางจิต เปลี่ยนความคิดเสียใหม่ นอกจากนี้ ตัวคุณเองต้องพยายามปรับตัวให้เช้ากับสังคมนี้ เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ไร้ความเหงามาแผ้วพานจิตใจ

 

เช็ค 4 อาการกลุ่มเสี่ยง…โรคขาดความรัก

ถ้าอยากประเมินตัวเอง ว่าเข้าข่ายโรคขาดความรัก ระยะเบื้องต้นหรือไม่ อาจลองมอง 4 ข้อนี้ว่ามีอยู่มากน้อยเพียงใด

  1. ไม่มีความสุข หรือ อิจฉา เมื่อเห็นคนอื่นมีความรัก หรือ เห็นภาพครอบครัวอื่นที่อบอุ่น
  2. มองหาคนคุยอยู่ตลอด คุยไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้รู้สึกว่าถูกทิ้งอยู่ในโลกนี้คนเดียว เติมความว่างเปล่า เพิ่มความมั่นใจว่าไม่ได้ใช้ชีวิตเพียงลำพัง
  3. เรียกร้องความสนใจอยู่เสมอ พยายามแสดง ช่วงชิงด้วยพฤติกรรมอะไรก็ได้ให้ตัวเองเป็นจุดเด่น แม้บางครั้งไม่ถูกกาลเทศะ แสดงว่ามีตัวตน หรือ ชอบนำเสนอว่ามีชีวิตที่ดีกว่าคนอื่น
  4. เครียดและกังวลในใจ กลัวคนอื่นไม่รัก

 

ลองประเมินกันดู….แต่ถึงคุณมีอาการครบทั้ง 4 ข้อนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นโรคขาดความรัก หรือ เป็นฮิสทีเรียนะ บางครั้งคุณอาจจะแค่อิจฉา หรือ เหม็นความรักก็ได้จ้า….

kinyupen