9 ของใช้ในบ้าน กรุณาใช้งานตาม “อายุขัย”

0
94
kinyupen

บ่อยครั้งที่เรามักใช้สิ่งของในชีวิตประจำวันกันจนเพลิน บางอย่างก็ใช้อยู่หลายปีไม่ยอมเปลี่ยน เพราะเรามองแค่ภายนอก ว่าสิ่งของเหล่านั้นก็ยังคงใช้ได้ปกติ สภาพก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม และไม่ได้ชำรุดเสียหายอะไร

แต่รู้ไหมว่าของบางชิ้นที่ดูเหมือนจะใช้ได้ยาวนานเป็น 10-20 ปี แท้จริงแล้ว มันอาจมีอายุการใช้งานน้อยกว่าที่เราคิด และหากเราใช้มันเกินอายุก็อาจนำไปสู่ปัญหาด้านสุขอนามัย ซึ่งอาจกระทบต่อความปลอดภัยและสุขภาพเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่งได้

มาเริ่มสำรวจข้าวของเครื่องใช้รอบตัว ว่าของแต่ละชิ้นมีอายุการใช้งานนานเท่าไหร่ และหากเราจะเปลี่ยนจะเป็นของใหม่ ควรจัดการกับของเก่าอย่างไรดี เพื่อไม่ให้เกิดขยะมากเกินความจำเป็น

หวี
ควรเปลี่ยนทุกปี (แต่ควรทำความสะอาดทุกสัปดาห์)
ลองนึกภาพว่าเราต้องจัดแต่งทรงผมของตัวเองทุกวันเช้าเย็น หวีก็ไม่ต่างอะไรจากอวัยวะอีกชิ้นของร่างกายที่ช่วยเนรมิตทรงผมได้อย่างตามที่ต้องการ ไม่ว่าจะหวีพลาสติก หวีขนหมูป่า หรือแม้แต่หวีโรล เมื่อเราใช้งานมันแทบทุกวัน เราก็ควรทำความสะอาดมันทุกสัปดาห์ อีกทั้งเมื่อใช้ไปบ่อยๆ หวีก็อาจสึกหรอตามอายุการใช้งานของมัน ข้อมูลอ้างอิงจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แนะนำไว้ว่าเราควรเปลี่ยนหวีทุกปี เพื่อให้มันช่วยดูแลผมของเราได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

หมอน
ควรเปลี่ยนทุก 2-3 ปี
เราหนุนหมอนกันทุกวัน ความมันจากเส้นผมและหนังศีรษะ หรือกระทั่งสิ่งสกปรกจากใบหน้าของเราเอง ก็คลุกอยู่กับหมอนไม่หายไปไหน แม้เราจะมีปลอกหมอนและซักมันบ่อยแค่ไหน แต่สิ่งสกปรกที่หมักหมมอยู่ในหมอนก็ยังคงอยู่ แถมมันยังเป็นสาเหตุหนึ่งของสิวบนใบหน้าของเราด้วย กรมอนามัยเลยให้คำแนะนำว่าเราควรเปลี่ยนหมอนทุกๆ 2-3 ปี เพื่อความสุขอนามัยที่ดีนั่นเอง

แปรงแต่งหน้า
ควรเปลี่ยนทุก 3-5 ปี (แต่ควรทำความสะอาดทุกสัปดาห์)
สำหรับใครที่ชอบแต่งหน้า อย่าลืมหมั่นทำความสะอาดแปรงแต่งหน้าทุกๆ สัปดาห์ด้วยนะ เตือนแล้วนะ! เพราะความสกปรกที่อยู่บนแปรง มันไม่ได้ไปไหนไกล แค่ย้ายมาอยู่บนใบหน้าของเราต่อ แต่ก็ใช่ว่าทำความสะอาดตลอดแล้วแปรงอันนั้นจะสามารถใช้ได้ตลอดไป เพราะแปรงก็เหมือนข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่มีอายุการใช้งานเหมือนกัน เราจึงควรเปลี่ยนแปรงแต่งหน้าใหม่ทุกๆ 3-5 ปี ตามคำแนะนำของกรมอนามัย หรือตามอายุการใช้งานที่ผู้ผลิตแจ้งไว้

ผ้าเช็ดตัว
ควรเปลี่ยนทุก 1-3 ปี (แต่ควรซักหลังใช้ไป 3-5 ครั้ง)
หลังอาบน้ำเสร็จ เราก็ต้องใช้ผ้าเช็ดตัวมาเช็ดตัวเราให้แห้งทุกครั้ง สิ่งสกปรกที่หลงเหลือตกค้าง หรือแม้แต่เศษเซลล์ที่ตายแล้วของเรา ก็ถูกซับติดไปกับผ้าเช็ดตัว เมื่อใช้ไปได้ 3-5 ครั้ง ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องนำมันไปซัก เพื่อให้มันสะอาดพร้อมใช้งานอีกครั้ง แต่ถึงอย่างนั้น ก็อย่าลืมเปลี่ยนผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ ทุกๆ 1-3 ปี ตามคำแนะนำของสสส.ด้วยล่ะ เพราะต่อให้ซักทุกครั้งที่ใช้ ท้ายสุดประสิทธิภาพการทำงานของมันก็จะค่อยๆ ลดลงไปตามกาลเวลาอยู่ดี

ยาดม
ควรเปลี่ยนเมื่อสีและกลิ่นเปลี่ยนไป
หลายคนอาจสงสัย ยาดมมันมีวันหมดอายุด้วยหรือ แล้วถ้าไม่เปลี่ยนมันจะเป็นอะไรไหม นี่กระปุกรักเลยนี่นา ยาดมถือเป็นไอเท็มสามัญประจำตัวของหลายคนๆ ที่ต้องพกติดกระเป๋าเอาไว้อยู่ตลอด ซึ่งระหว่างใช้งานมันทุกวัน เราก็อาจไม่ทันได้สังเกตหรอกว่ามันเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้างหรือเปล่า แต่อย่าชะล่าใจไป เพราะยาดมบางประเภท มีโอกาสที่จะเกิดเชื้อราขึ้นได้ ซึ่งนั่น เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจของเราแน่นอนกรมอนามัยจึงแนะนำให้หมั่นคอยสังเกตทั้งสีและกลิ่นว่าเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหรือไม่ ถ้าพบว่ามันไม่เหมือนเดิมแล้ว ก็ควรจะเปลี่ยนไปใช้อันใหม่ได้เลย

ฟองน้ำล้างจาน
ควรเปลี่ยนทุกๆ 1-2 สัปดาห์ (ขึ้นอยู่กับความบ่อยในการใช้งาน)
เชื่อว่าหลายคนคงเคยคิด ว่าฟองน้ำล้างจานต้องเปลี่ยนใหม่บ่อยๆ ด้วยหรือ? ในเมื่อหลังจากใช้งาน เราก็ล้างน้ำและบีบมันให้แห้งอยู่ตลอด ทว่าเจ้าฟองน้ำล้างจานนี้แหละ คือสิ่งที่ควรเปลี่ยนบ่อยที่สุด เพราะเวลาเราล้างจานแต่ละครั้ง เศษอาหารและเชื้อโรคต่างๆ ก็ติดอยู่กับฟองน้ำของเรา ต่อให้เราล้างมันทุกครั้ง ก็ไม่ได้มีสิ่งใดมาการันตีได้ว่ามันจะทำความสะอาดได้อย่างหมดจด เพราะฉะนั้นแล้ว สสส.จึงแนะนำให้เราควรเปลี่ยนมันทุกๆ 1-2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับความบ่อยในการใช้งานฟองน้ำของเรา

แปรงสีฟัน
ควรเปลี่ยน ทุกๆ 3-4 เดือน
ตราบใดที่เรายังแปรงฟันกันทุกวัน เราก็ควรเปลี่ยนแปรงสีฟันทุกๆ 3-4 เดือน ตามคำแนะนำจากกรมอนามัย เพราะนอกจากเรื่องของสุขอนามัยและความสะอาดแล้ว แปรงที่ถูฟันเราทุกวัน ก็ย่อมสึกหรอ ประสิทธิภาพที่ควรจะทำความสะอาดช่องปากเราได้อย่างเต็มที่ก็ลดลงตามไปด้วย

ชุดชั้นใน
ควรเปลี่ยน ทุกๆ 6 เดือน
เวลาออกไปนอกบ้านที ก็ต้องใส่ชุดชั้นในที เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะชุดชั้นในรูปแบบไหน ก็ควรเปลี่ยนมันทุกๆ 6 เดือน ตามคำแนะนำของสสส. เพราะระหว่างใช้งาน มันอาจเสื่อมสภาพลงไปเรื่อยๆ รวมถึงชุดชั้นในเราอาจเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค ซึ่งนำไปสู่ปัญหาด้านสุขอนามัยมากมายตามมา ไม่ว่าจะเป็น การเกิดเชื้อราและกลิ่นอับไม่พึงประสงค์

กระบอกน้ำ
วัสดุที่เป็นแก้ว ควรเปลี่ยนทุก 2-3 ปี วัสดุที่เป็นพลาสติก ควรเปลี่ยนทุก 12 เดือน มาถึงตรงนี้หลายคนอาจสงสัย เราต้องเปลี่ยนกระบอกน้ำด้วยหรือ แค่ล้างทำความสะอาดก็เพียงพอแล้วหรือเปล่า?

แม้ว่าเราจะทำความสะอาดมันบ่อยแค่ไหน แต่สิ่งของย่อมมีอายุการใช้งานในตัวมันเอง กระบอกน้ำก็ด้วยเช่นกัน ตามคำแนะนำจากกรมอนามัย สำหรับคนที่ใช้กระบอกน้ำที่เป็นแก้ว ควรเปลี่ยนมันทุก 2-3 ปี ส่วนกระบอกน้ำที่เป็นพลาสติก ควรเปลี่ยนมันทุกปี เพราะตัวพลาสติกเอง ก็ไม่ได้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานอยู่แล้ว

ทั้งนี้ กระบอกน้ำที่เป็นสแตนเลสจะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าทั้ง 2 แบบ อาจยาวนานหลายปี ขึ้นอยู่กับการใช้งานและสภาพของกระบอกน้ำ หากพบว่ามันสึกหรอหรือเป็นคราบสกปรกที่ล้างไม่ออกแล้ว ก็ควรเปลี่ยน เพื่อสุขอนามัยที่ดีของตัวเราเอง

ยังมีข้าวของอีกหลายสิ่งที่เราต้องหมั่นเปลี่ยน และสิ่งของทุกชิ้นมีวิธีทิ้งหลังการใช้งานที่แตกต่างกันไป อย่าลืมศึกษาวิธีจัดการให้เหมาะสมต่อของแต่ละชิ้นด้วย หากให้ใครที่ไม่มั่นใจว่าสิ่งของต่างๆ เหล่านี้ควรจะทิ้งอย่างไร สามารถเข้าไปดูวิธีการทิ้งได้ที่เว็บไซต์ https://greener.bangkok.go.th ได้เลย

ที่มา : thematter.co

อ้างอิงจาก :
dailymail.co.uk
greener.bangkok.go.th
buzzfeed.com
housebeautiful.com

kinyupen

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here