EXIM BANK พร้อมสนับสนุนทางการเงินพัฒนาเทคโนโลยีแก้ไข Climate Change ขับเคลื่อนธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
ในวันที่โลกเผชิญความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ที่ทวีความรุนแรงและซับซ้อนขึ้นทุกปี ซึ่งไม่ได้กระทบแค่สิ่งแวดล้อม แต่ยังส่งผลต่อความมั่นคงของมนุษย์ในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความขัดแย้งจากการขาดแคลนน้ำ อาหาร และพื้นที่เพาะปลูก การย้ายถิ่นฐานจากภัยธรรมชาติ ตลอดจนปัญหาสุขภาพจากโรคอุบัติใหม่ นำไปสู่ภาวะวิกฤตซ้อนวิกฤต (Polycrisis) ที่ต้องรับมืออย่างเร่งด่วน

ท่ามกลางวิกฤตที่ทับซ้อนกันอยู่นี้ เทคโนโลยีด้านสภาพภูมิอากาศ (Climate Technology) ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่หลายประเทศทั่วโลกเร่งพัฒนา เพื่อบรรเทาผลกระทบจากภาวะโลกร้อนและนำพาเศรษฐกิจไปสู่ความยั่งยืน ตัวอย่างที่เห็นชัดคือ เทคโนโลยีพลังงานสะอาดอย่างโซลาร์เซลล์ ลม ไฮโดรเจน รวมถึงแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า และเทคโนโลยีเกษตรแม่นยำ ซึ่งล้วนเป็นนวัตกรรมที่หลายประเทศทั่วโลกให้ความสำคัญอย่างจริงจัง
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการ และรักษาการกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวว่า นานาชาติมีข้อตกลงที่จะรักษาอุณหภูมิของโลกไม่ให้สูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียส คาดการณ์ว่าในปี 2567-2573 มีความต้องการเงินทุนเพื่อสิ่งแวดล้อม (Climate Finance) สูงถึง 7.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงถึง 5 เท่าของเม็ดเงินที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน แต่หากไม่ทำอะไรความเสียหายจาก Climate Change จะสูงถึงปีละ 38 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ทุกภาคส่วนจะต้องเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน การพัฒนา Climate Tech เพื่อต่อสู้กับวิกฤตโลกร้อนจึงเข้มข้น

นายบัณฑิต กล่าวว่า ธนาคารและสถาบันการเงินเป็นตัวกลางที่มีบทบาทอย่างมากในการจัดสรรเงินทุนและทรัพยากรเพื่อการพัฒนาเทคโนโลยีและการจัดการแก้ไขปัญหา Climate change ให้ทั่วถึง EXIM BANK ในฐานะ Development Bank ได้เดินหน้าสนับสนุนผู้ประกอบการไทยปรับปรุงเทคโนโลยีและกระบวนการผลิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ทำหน้าที่เป็น Lead Bank นำพาผู้ประกอบการไทยไปปักหมุดธุรกิจพลังงานหมุนเวียนทั้งในประเทศและต่างประเทศแล้วจำนวนกว่า 400 โครงการ กำลังการผลิตกว่า 8,800 เมกะวัตต์ ลดการปล่อยคาร์บอนได้มากกว่า 100 ล้านตัน คิดเป็นการสนับสนุนทางการเงินกว่า 68,600 ล้านบาท สร้างมูลค่าการลงทุนกว่า 578,300 ล้านบาท
EXIM BANK สนับสนุน Climate Tech ทั้ง 10 กลุ่ม อาทิ กลุ่มพลังงานที่นำกลับมาใช้ได้ใหม่ (Renewables) เช่น โซลาร์ ลม (บนบกและนอกชายฝั่ง) นวัตกรรมระบบกริด กลุ่มแบตเตอรี่และอุปกรณ์จัดเก็บพลังงาน (Batteries and Energy Storage) เช่น แบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า อุปกรณ์จัดเก็บพลังงานที่ใช้ได้นาน กลุ่มเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เช่น การรีไซเคิลแบตเตอรี่ การนำพลังงานความร้อนกลับมาใช้ใหม่ การรีไซเคิลพลาสติก กลุ่มเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับอาคาร (Building Technologies) เช่น พลังงานความร้อนใต้พิภพ ปั๊มทำความร้อน อุปกรณ์ไฟฟ้า กลุ่มนวัตกรรมกระบวนการทางอุตสาหกรรม (Industrial-process Innovation) เช่น การผลิตไฟฟ้าจากแหล่งความร้อน การผลิตเหล็กที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กลุ่มเกษตรกรรมและอาหาร (Agriculture and Food) เช่น การเกษตรแม่นยำ โปรตีนทางเลือก เทคโนโลยีเปลี่ยนการเก็บรักษาพันธุ์พืช

ในการสนับสนุนให้ไทยเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว EXIM BANK ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงิน อาทิ บริการสินเชื่อ EXIM Solar D-Carbon Financing ที่สนับสนุนเงินทุนติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยได้รับสิทธิการขึ้นทะเบียนรับรองคาร์บอนเครดิต โครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานประเทศไทย (T-Ver) สินเชื่อ EXIM Green Start เงินทุนหมุนเวียนเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการทุกขนาดที่ทำธุรกิจเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสินเชื่อ EXIM Green Goal เงินลงทุนเพื่อการปรับปรุงโครงการให้ดำเนินธุรกิจและบริการอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG)
EXIM BANK ดำเนินบทบาทอย่างแข็งขันในการสนับสนุนการปรับปรุงเทคโนโลยีและกระบวนการผลิต
ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของไทย โดยร่วมมือกับทุกภาคส่วนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน Scope ที่ 1-2-3 เพื่อขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ปัจจุบัน EXIM BANK ตั้งเป้าหมายสู่ Carbon Neutrality ในปี 2573 และ Net Zero Emissions ในปี 2593 เร็วกว่าเป้าหมายประเทศไทย 20 ปีและ 15 ปี ตามลำดับ โดยปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในองค์กร ควบคู่กับการเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนให้เป็น 50% ของพอร์ตสินเชื่อทั้งหมดภายในปี 2570 ซึ่งเป็นพันธกิจของธนาคารที่จะผลักดันให้เกิดการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน