เมื่อ “ทัวร์ไทย” เริ่มร้างรา โบกมือลา “เกาหลีใต้”

0
36
kinyupen

ล่าสุด แอดฯได้ไปอ่านเจอคอนเทนต์หนึ่งที่ผู้เขียนเค้ามีข้อมูลอินไซต์ด้านการท่องเที่ยวในเอเชียมาฝาก อาจเนื่องจากเป็นกลุ่มที่ทำทัวร์โดยตรง ข้อมูลตรงนี้เลยดูน่าสนใจ ยิ่งในประเด็นของการท่องเที่ยวด้วยแล้ว คนไทยส่วนใหญ่เล็ง “เกาหลีใต้” เป็นหมุดหมายแรกๆ เนื่องจากอาจเดินทางง่าย ค่าใช้จ่ายไม่สูงเท่าญี่ปุ่น และยังได้รับประสบการณ์แบบในซีรี่ส์ที่หลายๆคนกำลังหลงใหลใคร่พบเจอพระเอกกันอยู่ด้วยแล้ว ทำให้เป็นจุดหมายการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศเป็นลำดับต้นๆ ในช่วงก่อนหน้านี้ แต่นอกจากนักท่องเที่ยวแล้วยังมี “ผีน้อย” ที่หลายๆคนรู้จัก ไหนจะข่าว ตม.เกาหลีฯส่งกลับ นทท.ไทยจำนวนมาก อันเนื่องมาจากมีบางส่วนที่แอบแฝงไปกับ นทท.แปรงร่างเป็นแรงงานผีน้อย ทำให้คนไทยที่เป็นนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ ดูแย่ในแง่ลบกับทางการเกาหลีฯ วันนี้ กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิต มี 1 คอนเทนต์จากแอดมินเพจ “รวมทัวร์ไฟไหม้” มารีวิวเกาหลีให้ทุกคนได้เข้าใจในสถานการณ์ปัจจุบันกันว่าเกิดผลกระทบอะไรบ้างค่ะ

.

สวัสดีชาวเพจรวมทัวร์ไฟไหม้ วันนี้แอดอยากเขียนเรื่องยาว เกี่ยวกับการท่องเที่ยวมาแลกเปลี่ยนกัน นั่นก็คือปรากฏการณ์ “เกาหลีใต้ฮอตน้อยลง”

ที่หลายคนสงสัยว่า ทำไมดินแดนแห่งโอปป้าและซีรีส์ที่เคยครองใจนักท่องเที่ยวไทยอย่างเหนียวแน่น ถึงได้รับความนิยมลดลงเป็นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมาจนบางคนก็ลืมไปแล้วว่าเกาหลีใต้มันมีอะไรให้ทำนอกจากมี K-Pop หรือซีรีย์เกาหลี

.

แอดได้มีโอกาสเดินทางไปเกาหลีใต้ ในช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา เป็นการเดินทางกลับไปเกาหลีในรอบ 2 ปี เลยเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดเลยว่าที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้น หรือหลายๆท่านก็อาจจะพอเดาได้อยู่แล้วว่าเพราะข่าวที่มันออกมาเชิงลบมากมายเกี่ยวกับประเทศนี้ บวกกับประเทศอื่นก็มีสิ่งที่น่าสนใจมากขึ้น และเราก็เปิดรับวัฒนธรรมของหลายๆประเทศมากขึ้น

.

ที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นของคนไทยที่เดินทางไปเที่ยวประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็นทัวร์ หรือเที่ยวเอง คือสังเกตได้ว่ามีแต่คอนเทนต์เชิงบวกออกมาให้เราได้เสพกันมากขึ้นเรื่อยๆ

จนทำให้แอดอยากจะเขียนบทความนี้ขึ้นมาเล่าถึงมุมมองของแอดที่มีต่อสถานการณ์ปัจจุบันของความนิยมของประเทศเกาหลีใต้ ที่มีคอนเทนต์เชิงลบตรงกันข้ามกับเส้นทางอื่นๆ

.

สาเหตุหลักที่ทำให้เกาหลีใต้ฮอตน้อยลงก็คงไม่พ้นแนวๆนี้

1.การปฏิเสธการเข้าประเทศจากตม. ซึ่งเรื่องนี้เป็นประเด็นใหญ่ที่นักท่องเที่ยวไทยหลายคนต้องเจอ มีหลายกรณีที่ถูกปฏิเสธการเข้าเมืองแบบไม่ทราบสาเหตุ สร้างความไม่สบายใจและความกังวลให้กับนักท่องเที่ยวไทยเป็นอย่างมาก

2.ระบบ K-ETA (Korea Electronic Travel Authorization) ระบบการอนุมัติการเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ของเกาหลีใต้ ที่สร้างความยุ่งยากให้กับนักท่องเที่ยว ต้องกรอกข้อมูลเยอะแยะ เสียเวลาและยังมีค่าธรรมเนียมอีกต่างหาก

3.จำนวนนักท่องเที่ยวไทยลดลง ผลการสำรวจพบว่า จำนวนนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปเกาหลีใต้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด เทียบกับช่วงก่อนโควิด อาจเป็นเพราะปัจจัยด้านเศรษฐกิจ การปฏิเสธการเข้าเมือง และความนิยมของประเทศอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้นอย่างเช่น จีน ที่ตอนนี้ฟรีวีซ่าให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทย

4.ความกังวลเกี่ยวกับการลักลอบทำงานผิดกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้มีข่าวลือหนาหูว่ามีนักท่องเที่ยวไทยบางส่วนลักลอบทำงานผิดกฎหมายในเกาหลีใต้ สร้างความกังวลให้กับทั้ง2ประเทศ และภาพลักษณ์ที่ไม่ดีของคนไทยที่คนเกาหลีส่วนใหญ่มองเข้ามา

5.การเผยแพร่ประสบการณ์เชิงลบผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ประสบการณ์แย่ๆ ที่นักท่องเที่ยวไทยเจอในเกาหลีใต้ เช่น ถูกปฏิเสธการเข้าเมือง ถูกเจ้าหน้าที่ ตม. พูดจาไม่ดี ถูกบังคับให้ซื้อของแพง ถูกทำร้าย ฯลฯ ถูกแชร์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์อย่างแพร่หลาย สร้างความหวาดกลัวให้กับนักท่องเที่ยวไทยคนอื่นๆ

.

สาเหตุหลักด้านบนก็คงตอบตามหลักที่ Chatgpt ก็คงตอบมาแบบนี้ แต่ลึกๆถ้าเอาแบบสรุปสั้นๆได้ใจความก็คือ กลัวไม่ผ่าน ตม. ทั้งคนที่ตั้งใจไปเที่ยว และคนที่ตั้งใจที่จะไปเป็นผีน้อยก็กลัวกันส่วนใหญ่ ข้อนี้เป็นข้อหลักๆที่แอดได้รับคำถามจากลูกค้าที่สนใจเที่ยวเกาหลีมาตลอดตั้งแต่หลังช่วงโควิด

แต่ในทางกลับกันก็มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่บินเข้าบินออก ไปแบบชิลๆ ไปเสริมสวย ไปช้อปปิ้ง ไปหาของอร่อยๆกิน ที่เกาหลีอยู่ตลอด โดยไม่ได้กังวลอะไร ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ก็พอจะเข้าใจได้ว่า เพราะเค้าตั้งใจไปเที่ยว หรือไปใช้เงินที่ประเทศเกาหลีใต้นั่นเอง

.

แอดเป็นคนนึงที่รู้สึกเช่นกัน ว่าการไปเที่ยวเกาหลีครั้งล่าสุดที่ไปทำไมบรรยากาศมันดีขึ้น สนุกขึ้น ได้รับการต้อนรับที่ดีมากขึ้น คนเวียดนาม ไต้หวัน อินเดีย และคนฝั่งยุโรปเยอะมากๆ เลยสรุปมาประมานนี้ว่ามันดีขึ้นยังไง

.

1.บรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวพอไม่ได้เจอคนเยอะๆ ได้ความเป็นส่วนตัวสูงขึ้น ยิ่งได้หามุมถ่ายรูปสวยๆ โพสท่าถ่ายรูป หรือวีดีโอบางคนอาจจะเขินกล้อง พอคนน้อยก็ถ่ายเต็มที่ ไม่ต้องเขิน ได้รูปสวยๆแน่นอน บางที่ที่เคยมีคนรอคิวมากๆ ก็น้อยลง ไม่ต้องรีบเกินไปในการเสพบรรยากาศ หรือต่อคิวกินของอร่อยร้านดังในหมู่คนไทย ก็ไม่นานเท่าที่ควร

2.เข้าไปกินร้านอาหารท้องถิ่น แบบอร่อยขึ้นมากๆ ไม่ใช่แค่รสชาติอร่อย บรรยากาศยังอร่อย ไม่ต้องเจอสายตาบูลี่จากคนท้องถิ่น ถึงแม้ว่ามันจะยังมีอยุ่บ้าง แต่ก็สัมผัสได้เลยว่ามันน้อยลง และยังได้รับการบริการที่ดีขึ้นอีกด้วยซ้ำ

3.การเดินทางก็คงไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไหร่ ถ้าคนไปเองใช้รถไฟใต้ดินก็สบายๆ แต่ที่เห็นชัดๆก็คือโบกแท็กซี่แล้วเค้ารับเราทันที ถ้าเป็นสมัยก่อนเลือกผู้โดยสารเก่งไม่ต่างจากแท็กซี่ไทย

4.ช้อปปิ้งสนุกขึ้น ไปร้านไหนก็มีของ ไปที่ไหนก็ได้ของที่ต้องการเลย ไม่ต้องแย่งกับใคร ของฮิตๆในไทยก็สามารถโกยได้ตามต้องการ

5.สายถ่ายคอนเทนต์สนุกขึ้นมากๆ เพราะคนไทยคงมาน้อย คอนเทนต์มันก็น้อยตามไปด้วย เวลาเราเจออะไรใหม่ๆ แปลกๆ ก็โพสโดยไม่ต้องคิดว่ามันจะซ้ำกับใคร ใครเคยถ่ายไปแล้ว

6.ในส่วนของราคาตั๋วเครื่องบิน ก็ไม่ได้เวอร์วังอลังการเท่าไหร่ โรงแรมก็มีให้เลือกหลากหลายมากขึ้น ยิ่งถ้าเป็นทัวร์ก็คงวนๆใช้โรงแรมซ้ำๆกัน แต่ตอนนี้ทัวร์ไทยมันน้อยไง เลยเลือกจิ้มเอาเลย งบเท่าไหร่ จะนอนแบบไหน

เป็นเมื่อก่อนมีเงินแล้วจิ้ม ก็ใช่ว่าจะมีห้องพักให้ ยกตัวอย่างแบบญี่ปุ่นตอนนี้ยังไงหละ

.

ก็สรุปให้ประมานนี้ การไปครั้งล่าสุดนี้สำหรับแอดมันอิ่มทุกอย่างของเกาหลี อิ่มแบบที่ไปเกาหลีครั้งช่วง 6-7 ปีก่อน ในทางกลับกัน การไปบางประเทศของแอดก็กำลังเดินตามรอยความน่าเบื่อนี้ที่เคยเกิดขึ้นกับเกาหลีช่วงที่ผ่านๆมา ก็ไม่แปลกเพราะคนเยอะขึ้น ความวุ่นวายก็ต้องตามมา และความรับผิดชอบก็ต้องสูงขึ้น พักหลังจึงให้เห็นในสื่อบ่อยๆ เช่น กรณีที่ทำป้ายมาปิดบังวิวภูเขาไฟฟูจิ เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวเดินข้ามไปข้ามมา อาจจะเกิดอันตรายได้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีแค่คนไทย แต่ในช่วงที่เป็นข่าวคนไทยนิยมไปกันเยอะ จึงตกเป็นเป้ารับแรงกดดันจากคนในพื้นที่

พอเรื่องนี้ออกข่าวก็ทำให้กระจายแรงกดดันออกไปในโซนอื่นๆ ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปก็ทำให้แต่ละพื้นที่ปรับตัวตามๆกัน แถมช่วงนี้ข่าวผีน้อยก็เริ่มเยอะขึ้นเพราะไหนๆก็ไปเกาหลีไม่ได้ งั้นไปที่อื่นก่อนแล้วกัน เมื่อไปเยอะขึ้นแล้วมีปัญหามากขึ้นจนเป็นข่าว แอดก็คิดว่ามันก็จะวนไปเหมือนเกาหลีที่เราเคยพบเจอมา แต่คงใช้วิธีต่างกันในแต่ละประเทศ คงไม่ไร้เหตุผลแบบที่เราเคยพบเจอมา ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ก็พอจะเข้าใจได้ใช่ไหมครับ ว่าทำไมเกาหลีมันถึงวุ่นวายไม่จบ ไม่สิ้นสักทีเรื่อง ตม. แต่อีกมุมคนที่ผ่านได้ก็แฮปปี้ดี เพราะแทบจะไม่เห็นคนผ่าน ตม. ดราม่าผ่านสื่อเท่าไหร่ สำหรับแอดก็คงเป็นจุดนี้แหละที่ทำให้คนไทยไม่เสี่ยงไปกับอะไรที่มันไม่แน่นอน

.

หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ ไปสะกิดใจคนที่กำลังลังเล หรือรู้สึกคล้ายๆกันกับแอดอยู่ ก็มาแชร์กันได้ครับ

.

ถ้าอ่านสนุกหรือคิดเห็นคล้ายๆกันก็สามารถมาแชร์กันได้เสมอไว้จะหาอะไรดีๆแชร์กันอีกนะครับ

.
ที่มา : รวมทัวร์ไฟไหม้

kinyupen

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here