ขึ้นชื่อว่าเมืองท่องเที่ยว เราไม่สามารถมานั่งเลือกได้ว่าใครคือนักท่องเที่ยวที่ดี หรือใครคือนักท่องเที่ยวตัวร้าย หลายๆ ประเทศเลยเลือกที่จะออกกฎ หรือสร้างมารตรการคุมเข้มกับนักท่องเที่ยวมากขึ้น เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ต่อให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสร้างรายได้มหาศาลให้หลายเมืองก็จริง แต่มีเมืองนึงที่ทำแคมเปญสวนกระแสแบนนักท่องเที่ยว แต่กลับมอบรางวัลให้ซะอีก ถ้าอยากรู้ว่าเป็นเมืองไหน ตามกินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิตมาดูไปพร้อมๆกัน
โคเปนเฮเกน เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเดนมาร์ก โดยมีประชากรประมาณ 660,000 คน และ 1.4 ล้านคนในเขตเมือง กรุงโคเปนเฮเกนเป็นที่ตั้งของศูนย์กลางการบริหารประเทศ รัฐสภา รัฐบาลและเป็นที่ตั้งพระราชวังหลวง เป็นที่ประทับของสมาชิกพระราชวงศ์ของเดนมาร์ก โคเปนเฮเกนถือว่าเป็นเมืองเก่าแก่เมืองหนึ่งของยุโรป โดยล่าสุด เมืองโคเปนเฮเกน ได้ทดลองปล่อยแคมเปญที่ชื่อ CopenPay ในช่วง 15 กรกฎาคม ถึง 11 สิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว โดยนักท่องเที่ยวที่ร่วมกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม จะสามารถเข้าถึงกิจกรรมต่างๆ ของเมืองได้ฟรี
สำหรับความปังของแคมเปญนี้คือ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองหลวงของเดนมาร์ก และร่วมทำกิจกรรมกรีนๆ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น เก็บขยะหรือเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ จะได้รับสิทธิในการท่องเที่ยวสถานที่ต่างๆ ฟรี รวมถึงได้รับอาหาร กาแฟ และไวน์
คอนเซปต์ของคณะกรรมการการท่องเที่ยว Visit Copenhagen หรือที่รู้จักกันในชื่อ Wonderful Copenhagen คือ เปลี่ยน ‘กิจกรรมสีเขียว’ ให้เป็น ‘ค่าใช้จ่าย’ สำหรับประสบการณ์ด้านวัฒนธรรม ตัวอย่างเช่น หากนักท่องเที่ยวนำขยะพลาสติกที่ใช้แล้วไปที่หอศิลป์แห่งชาติ จะได้รับสิทธิเข้าร่วมเวิร์กช็อปที่ฝึกให้พวกเขาสามารถเปลี่ยนขยะเหล่านั้นให้กลายเป็นผลงานศิลปะได้ ส่วนใครที่ปั่นจักรยานหรือใช้บริการขนส่งสาธารณะไปยังโรงงานทำความร้อนที่มีชื่อเสียงของเมือง จะได้รับสิทธิเล่นสกีลงมาจากเนินสกีเทียมบนหลังคาอาคารได้
Wonderful Copenhagen พูดถึงโครงการนี้ว่า “CopenPay ให้รางวัลกับกิจกรรมต่างๆ เช่น การปั่นจักรยาน การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทำความสะอาด หรือการเป็นอาสาสมัครในฟาร์ม โดยให้สิทธิเข้าถึงประสบการณ์ที่หลากหลาย และสัมผัสเรื่องราวแปลกใหม่ในชีวิตประจำวันของโคเปนเฮเกน ซึ่งรวมถึงทัวร์ชมพิพิธภัณฑ์พร้อมไกด์ฟรี เช่าเรือคายัคฟรี และแม้แต่อาหารกลางวันมังสวิรัติฟรีที่ทำจากพืชผลในท้องถิ่น” จนถึงขณะนี้ มี 24 องค์กรและบริษัทเข้าร่วมโครงการนำร่องนี้แล้ว
อ้างอิง: CNN, First Post, BBC
