Key Point
- ในอนาคตคนไทยจะเกิดความเหลื่อมล้ำทางรายได้มากขึ้น คนที่รายได้ต่ำ รายได้ปานกลางจะขยับฐานะยากขึ้น แต่กลุ่มคน Top1% ที่รวยอยู่แล้วจะรวยยิ่งขึ้นไปอีก
- คนไทยกว่า 64.3% ไม่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
- Gen Y เป็นกลุ่มที่ยื่นภาษีมากสุด ส่วน Gen X Gen Y และ Baby Boomer ที่อยู่ในเกณฑ์ต้องยื่นแบบฯ แต่ไม่ยื่นคิดเป็นในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน โดย 31.3% ของกลุ่มนี้มีรายจ่ายสูงกว่ารายได้
เหนื่อย เบื่อ ท้อ เมื่อไรจะรวย…..คงเป็นคำที่หลายๆ คน โดยเฉพาะกลุ่มเดอะแบกวัยทำงาน ครุ่นคิดอยู่บ่อยๆ แต่เพราะพื้นฐานแต่ละบุคคลต่างกัน คำตอบจึงไม่มีสูตรสำเร็จ คำสอนของไลฟ์โค้ชคนหนึ่ง ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคน วันนี้ กินอยู่เป็น 360องศาแห่งการใช้ชีวิต จึงอยากนำข้อมูลวิจัยดีๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาฝากกัน เพื่อเป็นแนวทางศึกษาทำความเข้าใจ หรือ ปรับใช้กับชีวิต
บทความชิ้นนี้สรุปรวบรวมมาจากข้อมูลงานวิจัยของ รศ.ดร.อธิภัทร มุทิตาเจริญ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์สถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ โดยมีเนื้อหาที่น่าสนใจและตรงกับปัญหาสังคม คือ โอกาสที่คนเดินถนนอย่างเราๆ จะมีโอกาสลืมตาอ้าปากเลื่อนฐานะทางสังคมขึ้นไป โดยไม่ต้องเอาขาข้างหนึ่งไปเกี่ยวกับคุก หรือ โอกาสเสี่ยงมีหนี้สิน
บทวิจัยชี้โดยสรุปแบบรวบรัดว่า คนจะไม่มีโอกาสขยับฐานะ ด้วยวิธีแบบสุภาษิตความเชื่อเดิม ที่ว่า “ก่อร่างสร้างตัวจากเสื่อผืนหมอนใบ” แต่จะกลายเป็นว่ายังคงอยู่ที่เดิม คนจนจะจนอย่างเดิม รวยไม่จบแบบเดิม โดยงานวิจัยมาจากการศึกษาข้อมูลผู้มีรายได้ที่ต้องยื่นภาษีในระบบที่แบ่งช่วงตามฐานรายได้ 10 กลุ่ม ดังนั้นอาจคลาดเคลื่อนกรณีบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในระบบการยื่นภาษี กระจายรายได้ และความเหลื่อมล้ำในสังคม ช่วงปี 2552-2561 มีความไม่เท่าเทียมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
กรณีนี้ กินอยู่เป็น 360องศาแห่งการใช้ชีวิต อยากให้ใส่หมายเหตุไว้ด้วยว่าการเลื่อนขึ้นลงของฐานะ ในที่นี้ต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางลัดอย่างการพนัน ปั่นสลอต ธุรกิจสีเทา หรือ แม้กระทั่งการถูกต้มตุ๋นจนทรัพย์สินเสียหาย โดยกลุ่มที่จะอยู่ที่เดิมเหนียวแน่นสุด คือ “กลุ่มที่รวยสุดมีรายได้เยอะ”
ส่วน “กลุ่มรายได้ปานกลาง พวกผู้บริหารระดับกลาง” ก็มีโอกาสขยับรายได้อาจเกิดจากเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง หรือ หารายได้เสริม แต่เมื่อนำส่วนล่าง “รายได้” ของคนฐานะปานกลางกับฐานะค่อนข้างยากจนมาเปรียบเทียบกัน และนำส่วนบน “การกระจายรายได้” ของคนรวยและคนฐานะปานกลางมาเปรียบเทียบ พบว่าความเหลื่อมล้ำที่ส่วนล่างนั้นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก
อธิบายง่ายๆ คือ ในอนาคตคนไทย รายได้ต่ำ หรือ ฐานะปานกลาง จะขยับฐานะยากขึ้น แต่คนที่รวยอยู่แล้วก็จะรวยขึ้นไปอีก เกิดช่องว่างความเหลื่อมล้ำที่มากขึ้น โดยกลุ่ม Top1% มีส่วนแบ่งของรายได้เพิ่มอย่างเห็นได้ชัด จากราว 9% ในปี 2552 เป็น 11% ในปี 2561
ช่วงวัยไหนมีโอกาสได้ไปต่อ
ที่น่าสนใจ คือ กลุ่มที่มีอายุน้อย ช่วง 25-30 ปี มีโอกาสขยับฐานะสูงสุดถึง 75% ส่วนกลุ่มอายุที่สูงขึ้นจะมีโอกาสขยับฐานะยากขึ้น รวมถึง ปัจจุบันองค์กรขนาดใหญ่หลายแห่ง จะมีการใช้แพคเกจ early retire หรือ ใช้วิธีจ้างออกเพราะเปลี่ยนนโยบาย หรือ ใช้เหตุผลข้อจำกัดทางด้านเศรษฐกิจ สำหรับกลุ่มคนอายุงานสูง
ขณะที่ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า คนไทยสูงกว่า 64.3% ไม่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยในปี 2565 มีสัดส่วนของผู้ที่ยื่นแบบฯ เพียง 35.7% จากกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด ขณะที่กลุ่มที่ไม่ได้ยื่นแบบฯ แบ่งเป็นผู้ที่อยู่ในเกณฑ์ต้องยื่นมากถึง 50.5% และ ขณะที่อีก 13.8% ที่ไม่ต้องยื่นแบบภาษีนั้น มาจากกลุ่มอาชีพเกษตรกรรม หรือ เป็นผู้ว่างงาน/อยู่ระหว่างการศึกษาที่ไม่มีเงินได้
ซึ่งกลุ่มที่ยื่นแบบฯ ในปี 2565 60% มาจากกลุ่ม Gen Y (กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ.2523-2540) ขณะที่กลุ่มที่เข้าข่ายอยู่ในเกณฑ์ที่ต้องยื่นแบบฯ แต่ไม่ยื่นกระจายในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันในกลุ่ม Gen X Gen Y และ Baby Boomer (กลุ่มคนที่เกิดก่อนปี พ.ศ.2522 เป็นต้นไป)ทั้งหมดเป็นแรงงานนอกระบบ มีรายได้เฉลี่ยต่ำกว่ากลุ่มแรก โดยอยู่ที่ 12,115 บาทต่อคนต่อเดือน อีกทั้งยังมีสถานะการเงินที่ไม่มั่นคง โดย 55.5% มีรายได้เท่ากับรายจ่าย และ 31.3% มีรายจ่ายสูงกว่ารายได้
“พบว่าแรงงานไทยมีระดับการเลื่อนชั้นรายได้ต่ำมากเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา ทั้งในแง่ของการเลื่อนชั้นโดยรวม และการคงอยู่ในชั้นรายได้เดิมของกลุ่มรายได้สูงสุด 1%”
งานศึกษายังพบว่า ราว 35% ของแรงงานไทยจะยังคงอยู่ในกลุ่ม decile รายได้เดิมในช่วงระยะเวลา 10 ปี ซึ่งระดับความน่าจะเป็นของการคงอยู่ในชั้นรายได้เดิมนี้จะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง สำหรับกลุ่มรายได้ต่ำสุด และกลุ่มรายได้สูงสุด (ราว 51% และ 69% ตามลำดับ) ทั้งนี้ ความน่าจะเป็นของการคงอยู่ในชั้นรายได้เดิมที่สูง หมายถึง โอกาสการเลื่อนชั้นรายได้ที่ต่ำนั่นเอง
อ่านจบแล้ว เศร้า ท้อจนไม่อยากขยับร่างกายเลย
ขอบคุณที่มาข้อมูลจาก