นายพีระศักดิ์ บุญมีโชติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFM เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2566 ที่ผ่านมาว่า บริษัทมีรายได้จากการขายที่ 5,081 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 3.9% โดยปัจจัยหลักมาจากการเติบโตจากยอดขายอาหารกุ้ง และอาหารปลากะพง อย่างไรก็ตาม ปี 2566 ถือเป็นปีที่ท้าทายและยากกว่าปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นช่วงโควิด เนื่องจาก เป็นปีที่ต้นทุนวัตถุดิบเป็นขาขึ้นทั้งหมด ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิในปี 2566 ที่ 87 ล้านบาท ลดลงจากปี 2565 ที่ 109 ล้านบาท
“ผลการดำเนินงานในปี 2566 ที่ผ่านมา ถือว่า โดยรวมยอดขายดีขึ้น โดยกลุ่มอาหารกุ้งมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น จากสัดส่วน 17% ในปี 2565 เพิ่มขึ้นเป็น 19% ขณะที่กลุ่มอาหารปลากะพง จาก 27% ในปี 2565 เพิ่มขึ้นเป็น 34% ซึ่งบริษัทมียอดขายเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม ปัญหาราคาวัตถุดิบในปี 2566 หนักกว่าช่วงโควิด โดยวัตถุดิบที่ใช้ในการทำอาหารสัตว์แทบทุกตัวมีราคาสูงขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นแป้งสาลี กากถั่วเหลือง และปลาป่น โดยเฉลี่ยปี 2566 ราคาต้นทุนปรับขึ้นเฉลี่ย ประมาณ 10% ส่งผลกระทบทำให้กำไรลดลง แม้ว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้น และการบริหารจัดการต้นทุนค่าใช้จ่ายได้อย่างเป็นระบบมากขึ้นก็ตาม”
นายพีระศักดิ์กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายการดำเนินธุรกิจในปี 2567 บริษัทมีแผนที่จะเจาะกลุ่มธุรกิจใหม่ เช่น ธุรกิจอาหารปลาสวยงาม เนื่องจากมองว่า เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีทั้งอุปสงค์และอุปทาน โดยจะเริ่มดำเนินการช่วงไตรมาสสองของปี เริ่มวิจัยและพัฒนาอาหารปลาคาร์ฟเป็นอันดับแรก ตั้งเป้าหมายยอดขายปีแรก 50 ตัน หลังจากนั้นจะขยายไปสู่ปลาสวยงามชนิดอื่น ๆ
“กลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบปลาสวยงามถือว่า มีจำนวนมากพอสมควร ขณะที่อาหารปลาสวยงาม เช่น ปลาคาร์ฟจะมีการนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น ราคาขายสูงตามราคาปลาคาร์ฟ โดยขณะนี้อาหารปลาคาร์ฟ นำเข้ามาจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 13,000 บาท บริษัทคาดว่าจะผลิตออกจำหน่ายในราคาที่เหมาะสมและเป็นทางเลือกให้กับผู้เลี้ยง คือ คาดว่าประมาณกิโลกรัมละ 10,000 บาท”
ทั้งนี้ TFM เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์ จำพวกอาหารกุ้ง อาหารปลา ในเครือไทย ยูเนี่ยน กรุ๊ป โดยมียอดขาย ติดอันดับท็อปทรีของประเทศ โดยตั้งเป้าหมาย ภายใน 3 ปีจะมียอดขายเติบโตจากปัจจุบัน 5,000 ล้านบาท เป็น 6,000 ล้านบาท หรือตั้งเป้าเติบโต 10-15% เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดอาหารปลาน้ำจืด จากปัจจุบันที่ 6% เป็น 10% ในปีนี้