สัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดกระแสข่าวว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย ในฐานะหน่วยงานผู้กำกับสถาบันการเงินได้ออกมาโยนหินถามทางถึงวิธีลด/เลิกแคมเปญ “ผ่อน 0%” ในลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูงโดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z กลายเป็นประเด็นร้อนที่ผู้มีส่วนได้เสียออกมาแสดงความคิดเห็นกันในหลากหลายแง่มุมดังปรากฏบนข่าว
แต่หากจะว่าไปการผ่อน 0% ก็เป็นเรื่องไม่ไกลตัวกลุ่มมนุษย์เงินเดือนมากนัก เพราะปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้ว่าโปรโมชั่นผ่อน 0% ตามบริษัทห้างร้านต่างๆ กลายเป็นกลยุทธ์สำคัญที่เข้ามามีบทบาทในการกระตุ้นยอดขายแทบทุกแห่ง โดยมักพบในกลุ่มสินค้าที่มีราคาค่อนข้างสูงอย่าง สมาร์ทโฟน ทีวี เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องออกกำลังกาย คอร์สเสริมความงาม แพคเกจท่องเที่ยวต่างประเทศ ฯลฯ ซึ่งก็มีทั้งข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับผู้ใช้ส่วนน่าสนใจอย่างไร วันนี้กินอยู่เป็น 360องศาแห่งการใช้ชีวิต ก็ได้ไปรวบรวมข้อมูลมาฝากกัน
ตรองให้ดี มีทั้งคุณและโทษ
การผ่อน 0% มีข้อดีที่เห็นได้ชัด คือ สามารถจับต้องสินค้าและบริการได้เลยไม่ต้องรอ และไม่ต้องจ่ายทีเดียวทั้งก้อน ส่วนข้อเสียที่สำคัญ คือ หากผู้ซื้อไม่มีวินัยทางการเงินที่เข้มแข็งพออาจส่งผลให้กลายเป็นหนี้ก้อนโต เพราะเมื่อผิดนัดชำระจะโดนปรับในอัตราดอกเบี้ยที่แพงมาก และเมื่อเกิดยอดหนี้ค้างชำระก็จะทำให้เสียประวัติการชำระและถูกบันทึกอยู่ในเครดิตบูโรที่อาจกระทบต่อการยื่นเรื่องกู้ซื้อบ้านซื้อรถในอนาคตด้วย
ดังนั้นเมื่อมีทั้งคุณและโทษจึงอยากให้คำนึง หรือ ตระหนักสักนิดใน 3 เรื่องนี้ก่อนคิดผ่อน 0% นั่นคือ
- วางแผนการเงินก่อนใช้ อัตราผ่อนต่อเดือนอยู่ที่เท่าใด ตอนนี้มีหนี้สินอื่นหรือไม่ ถ้าผ่อนกระทบกับสภาพคล่องทางการเงินในแต่ละเดือนหรือไม่ และหากเกิดปัญหาฉุกเฉินจะทำอย่างไร
- ความจำเป็นของสินค้า การผ่อนสินค้าที่จำเป็นสำหรับพื้นฐานชีวิต อาทิ ตู้เย็น พัดลม เครื่องซักผ้า สำหรับผู้ที่ย้ายบ้านสร้างครอบครัว หรือ ผ่อนโน๊ตบุ๊ค สมาร์ทโฟน รถจักรยานสำหรับใช้ทำงานหรือต่อยอดสร้างรายได้ตรงนี้โปร 0% อาจช่วยตอบโจทย์ และยิ่งหากใครบริหารเงินเก่งก็อาจนำเงินที่ยังไม่ต้องจ่ายไปหมุนใช้ หรือ สร้างดอกผลให้งอกเงยก่อนได้อีกทางด้วย แต่หากถ้าจะซื้อมาเพื่อความโก้เก๋เฉยๆ ตรงนี้ถ้ามีศักยภาพการเงินที่ดีก็อาจไม่เป็นไร แต่ถ้ายังหมุนเดือนชนเดือน หรือ ไม่มีเงินเก็บเผื่อฉุกเฉินละก็ควรตรองให้ดี
อย่างไรก็ตาม การวางแผนการเงินไม่มีสูตรตายตัวและไม่มีใครรู้ดีที่สุดเท่าตัวคุณ เพราะในชีวิตจริงแต่ละคนล้วนมีความจำเป็น หรือ ศักยภาพการแบกรับ หรือ ผ่อนจ่ายที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นขึ้นอยู่กับจะนำข้อดีข้อเสียไปประยุกต์ใช้ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ที่เหมาะสมเพียงใด เพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต