5 ข้อก่อนตัดสินใจ ซื้อประกัน “มะเร็ง”

0
21
kinyupen

ในปัจจุบัน “มะเร็ง” ยังคงเป็นหนึ่งในโรคร้ายแรงที่คร่าชีวิตคนไทยและคนทั่วโลกเป็นจำนวนมากทุกปี ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ หรือมะเร็งตับ ต่างก็สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แม้จะดูแลสุขภาพดีแค่ไหนก็ตาม ซึ่งหากตรวจพบโรคมะเร็งในระยะเริ่มต้น โอกาสในการรักษาหายก็ยังมีอยู่ แต่ที่ตามมาคือค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูงลิ่ว ทั้งค่าผ่าตัด ค่าคีโม ค่ายา หรือค่ารักษาระยะยาวอื่น ๆ ทำให้ “ประกันมะเร็ง” กลายเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ควรมองข้ามเลย

การเลือกซื้อประกันมะเร็งนั้น ไม่ใช่แค่เห็นเบี้ยประกันถูกแล้วรีบตัดสินใจทันที แต่ควรพิจารณาหลายปัจจัยประกอบกันอย่างรอบคอบ เพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่าและครอบคลุมจริง ๆ ในเวลาที่ต้องการใช้งานจริง บทความนี้จึงขอพาทุกคนไปดู 5 ปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อประกันมะเร็ง ที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ

1. ความคุ้มครองครอบคลุมแค่ไหน

สิ่งแรกที่ควรพิจารณาคือ “ขอบเขตความคุ้มครอง” ของประกันว่าครอบคลุมตั้งแต่ระยะเริ่มต้นของโรคหรือไม่ บางแผนประกันให้ความคุ้มครองเฉพาะมะเร็งระยะลุกลาม (ระยะ 2-4) เท่านั้น ขณะที่บางแผนครอบคลุมตั้งแต่มะเร็งระยะ 0 หรือที่เรียกว่า Carcinoma In Situ

การเลือกซื้อประกันมะเร็งที่คุ้มครองตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจะช่วยให้ได้รับค่าชดเชยเร็วขึ้นและสามารถเริ่มรักษาได้ทันที ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสหายขาดจากโรคมะเร็งได้มากกว่า

2. เบี้ยประกันและความเหมาะสมกับงบประมาณ

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายในแต่ละปี ซึ่งควรเลือกให้เหมาะสมกับรายได้หรือความสามารถในการชำระต่อเนื่องในระยะยาว อย่าลืมว่าแผนประกันที่ดีไม่จำเป็นต้องแพงที่สุด แต่อาจเป็นแผนที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมในราคาที่เหมาะสมต่างหาก

การเปรียบเทียบเบี้ยประกันจากหลายบริษัทประกัน พร้อมกับดูความคุ้มค่าที่ได้รับ จะช่วยให้คุณเลือกซื้อประกันมะเร็งแผนที่เหมาะกับตัวเองได้ง่ายขึ้น

3. ประเภทของการจ่ายผลประโยชน์

รูปแบบการจ่ายเงินของการซื้อประกันมะเร็งมีทั้งแบบ “จ่ายเป็นก้อนเมื่อวินิจฉัยพบมะเร็ง” และ “จ่ายตามค่าใช้จ่ายจริง” บางแผนอาจมีทั้งสองแบบรวมกัน

หากคุณต้องการเงินก้อนเพื่อใช้วางแผนชีวิตในช่วงรักษาตัว เช่น หยุดงาน หรือเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ แผนที่จ่ายเป็นเงินก้อนจะเหมาะกว่า แต่หากต้องการใช้ประกันเป็นตัวช่วยในการแบ่งเบาค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ แผนที่จ่ายตามค่าใช้จ่ายจริงอาจตอบโจทย์มากกว่า

4. การมีโรคประจำตัว หรือเงื่อนไขการรับประกัน

ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรตรวจสอบว่าแผนประกันนั้นรับประกันผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือไม่ เช่น เบาหวาน ความดัน หรือไขมันในเลือดสูง เพราะหลายบริษัทอาจปฏิเสธการรับประกันหรือคิดเบี้ยประกันเพิ่ม

นอกจากนี้ ควรดูเงื่อนไขอย่าง “ระยะเวลารอคอย” (Waiting Period) ว่าต้องรอนานแค่ไหนจึงจะได้รับความคุ้มครอง โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 90-120 วัน หากเกิดโรคมะเร็งก่อนช่วงเวลานี้ บริษัทประกันจะไม่จ่ายค่าสินไหมใด ๆ

5. ความยืดหยุ่นและบริการหลังการขาย

ปัจจัยสุดท้ายคือความยืดหยุ่นของแผนประกัน เช่น การเพิ่มทุนประกันในอนาคต การต่ออายุแบบไม่ต้องตรวจสุขภาพใหม่ รวมถึงบริการหลังการขาย เช่น การเคลมง่ายหรือมีเจ้าหน้าที่ช่วยติดตามให้ การมีบริการเสริม เช่น การให้คำปรึกษาทางการแพทย์ การนัดหมายแพทย์ หรือเบอร์ฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ก็เป็นจุดที่ไม่ควรมองข้าม

การซื้อประกันมะเร็ง ไม่ใช่เรื่องที่ควรรีรอหรือเลื่อนออกไป เพราะไม่มีใครรู้ว่าโรคร้ายนี้จะมาเยือนเมื่อใด การเตรียมตัวล่วงหน้าด้วยการเลือกแผนประกันมะเร็งที่ครอบคลุมและเหมาะสม จะช่วยให้คุณและครอบครัวผ่านสถานการณ์ยากลำบากได้อย่างมั่นคง

ก่อนตัดสินใจซื้อ อย่าลืมพิจารณาทั้ง 5 ปัจจัยข้างต้นให้รอบคอบ และเปรียบเทียบแผนจากหลายบริษัทเพื่อให้ได้ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับตัวคุณเองและคนที่คุณรัก เพราะ “ประกันมะเร็ง” อาจไม่ใช่แค่เรื่องของเงินทอง แต่คือการให้โอกาสในการรักษาและมีชีวิตอยู่อย่างมีคุณภาพในวันที่ไม่คาดฝัน

kinyupen

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here