เปิดใจสาวบาร์..อาสาแทนคุณสังคม

0
337
kinyupen
สาวนั่งดริงก์วัย 19 ปีชาวญี่ปุ่น ทำงานเก็บเงินเรียน
หวังกลับไปเป็นผู้ดูแลเด็กที่สถานสงเคราะห์ฯ ที่เคยเติบโต

ชีวิตเลือกเกิดไม่ได้เป็นเรื่องสัจธรรมของโลก ไม่ว่าชาติไหนภาษาไหนย่อมมีชีวิตที่ไม่สมบูรณ์ได้เหมือนกัน เหมือนกับเรื่องราวของเด็กสาววัย 19 ปีชาวญี่ปุ่นคนนี้ เรื่องราวของเธอไม่เพียงที่จะทำให้หลายคนเห็นอกเห็นใจในโชคชะตาที่เลือกไม่ได้ของเธอแล้ว ส่วนใหญ่ยังคงเป็นกำลังใจให้เธอต่อสู้อุปสรรคเพื่อสร้างฝันให้เป็นจริงอย่างที่ตั้งใจอีกด้วย

 

ชาวาดะ ชิมามิ คือเด็กสาววัย 19 ปี คนนั้น เธอกลายเป็นประเด็นสนใจขึ้นมาเมื่อรายการทีวี ชื่อ “ขอตามไปที่บ้านได้มั้ย ภาษาญี่ปุ่นคือ 家、ついて行ってイイですか? ซึ่งเป็นรายการชื่อดังของช่อง TV Tokyo นำเสนอเรื่องราวของบุคคลหลากหลายโดยจะขอตามไปถ่ายทำที่บ้าน พร้อมที่จะจ่ายค่าแท็กซี่หรือค่าอาหารให้ และล่าสุดก็ได้พบกับ ชิมามิ ที่สถานีรถไฟแห่งหนึ่ง เมื่อรายการแจ้งว่าอยากจะขอไปถ่ายทำที่บ้านได้ไหม และจะขอออกค่าแท็กซี่ให้เธอแสดงความดีใจและยินดีให้ทีมงานไปที่บ้าน

 

ผู้ดำเนินรายการได้สอบถามเรื่องราวของเธอระหว่างที่เดินทางไปในรถแท็กซี่ด้วยกัน ก็ทราบว่าชิมามิมีอาชีพเป็นสาวนั่งดริงก์อยู่ในบาร์ ในวัยเพียง 19 ปีเท่านั้น และอาศัยอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์เพียงคนเดียว

 

เรื่องราวของเด็กสาวดูจะไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่เมื่อพูดคุยกันมากขึ้นทีมงานกลับพบว่าชีวิตของเธอกลับแตกต่างจากชีวิตของสาวนั่งดริงก์ทั่วไป

 

 

 

เด็กสาวเล่าว่าที่จริงแล้วเธอเพิ่งออกจากสถานสงเคราะห์เด็กมาได้เพียง 6 เดือนเพื่อที่จะออกมาหางานทำและอยู่ด้วยตัวเอง แต่เนื่องจากไม่มีความรู้อะไร จึงเลือกที่จะทำงานเป็นสาวบาร์เพราะเห็นว่าเป็นงานที่สามารถหาเงินได้ง่าย ถึงแม้หลายคนจะมองไม่ดีแต่เธอก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้น เพราะรู้สึกว่าไม่มีอะไรจะเสียสำหรับเธอที่เป็นเด็กที่เติบโตจากสถานสงเคราะห์ตั้งแต่เด็ก “หนูไม่ได้เป็นเด็กกำพร้า มีพ่อและแม่ แต่ว่าแม่มีอาการทางจิตเลยต้องไปอยู่โรงพยาบาล พ่อก็เลยเครียดและไปเที่ยวผู้หญิงทุกวันจนสุดท้ายก็เลี้ยงหนูไม่ได้ ก็เลยต้องถูกส่งตัวมาที่สถานสงเคราะห์เด็ก แต่ที่นั่นก็มีหลายคนที่มีชีวิตเหมือนกัน” ชิมามิเล่า และยังให้ทีมงานได้เยี่ยมชมและถ่ายทำห้องของเธอ ที่อยู่อย่างเรียบง่ายสไตล์วัยรุ่น อย่างไม่ปิดบัง

 

 

เมื่อทีมงานถามว่าเธอรู้สึกอย่างไรที่ต้องถูกส่งตัวไปอยู่ในสถานสงเคราะห์ ชิมามิบอกว่า ไม่ได้รู้สึกอะไร ช่างมัน มันก็สนุกดี เพราะหลังจากนั้นก็โตมาแบบนั้นเลยไม่รู้สึกอะไร พร้อมกันนี้ก็นำรูปถ่ายตอนเด็กๆ มาให้ดู เป็นรูปของเธอกับเพื่อนที่สถานสงเคราะห์ แต่ทีมงานสังเกตเห็นว่าในทุกภาพถ่ายชิมามิ มักซ่อนแขนซ้ายไว้ไม่ให้เห็นในรูป เธอจึงบอกว่า เป็นเพราะตอนเด็กเธอกรีดแขนเพื่อเรียกร้องความสนใจ ทำให้แขนเป็นรอยกรีดจนถึงตอนนี้และได้โชว์รอยแผลเป็นให้ทีมงานดูด้วย

 

“ตอนเด็กๆ หนูพูดทำร้ายจิตใจเพื่อน จนถูกแกล้งบ่อยก็กรีดข้อมือเพราะอยากให้คนมาปกป้อง และคนที่คอยช่วยเหลือและเข้าใจหนูคือผู้ดูแลที่สถานสงเคราะห์ เขาเปรียบเสมือนแม่ คอยบอกว่าสิ่งไหนดีไม่ดี คอยสอน และคอยให้กำลังใจหนู ถ้าทำผิดก็จะเตือน และพาหนูไปกินข้าว หนูเลยอยากจะเป็นแบบเขาค่ะ”

 

 

เมื่อถามว่าแล้วไม่อยากเรียนหนังสือเหรอ ชิมามิตอบว่า แน่นอนเธออยากเรียนหนังสือต่อ ตอนนี้ก็กำลังพยายามทำงานนั่ง​ดริงก์

 

เพื่อเก็บเงินเรียนต่อมหาวิทยาลัย เพราะมีเป้าหมายสำคัญบางอย่าง นั่นคือสอบให้ได้ใบอนุญาตการดูแลเด็ก และสอบราชการให้ได้ไปเป็นผู้ดูแลเด็กในสถานสงเคราะห์ ให้เป็นได้เหมือนกับผู้ที่เคยดูแลเธอตอนอยู่สถานสงเคราะห์ และอยากใช้ชีวิตเพื่อเด็กๆ เหมือนกัน แต่ตอนนี้ยังมีเงินไม่มากพอจึงยังต้องทำงานเก็บเงินไปก่อน เพราะเธอไม่มีพ่อแม่คอยส่งเสียจึงต้องหาเลี้ยงตัวเองทุกอย่างรวมทั้งหาเงินเพื่อเรียนหนังสือต่อด้วย

 

“ตอนนี้หนูอยากที่จะเรียนหนังสือต่อ และเป็นผู้ดูแลเด็กให้เร็วที่สุด หนูจะทำให้ได้เหมือนกับผู้ที่ดูแลหนู เพราะถ้าไม่มีเขาวันนั้น วันนี้หนูคงตายไปแล้ว เพราะฉะนั้นหนูรู้ว่าเด็กๆ ที่ไม่สมบูรณ์ต้องการอะไร ความเจ็บปวดและการต้องการความรักเป็นอย่างไร ก็อยากจะปกป้องรอยยิ้มของพวกเขาเอาไว้ค่ะ” ชิมามิกล่าวถึงความตั้งใจ

 

จบการเยี่ยมบ้านในวันนั้นทีมงานอำลาชิมามิ มาพร้อมกับสรุปว่า นี่คืออีกหนึ่งชีวิตของเด็กสาวที่จะใช้ความเจ็บปวดของเธอในอดีตมาเพื่อปกป้องรอยยิ้มของเด็กๆ คนอื่นในอนาคต ..ภาพเพียงภายนอกคงตัดสินความตั้งใจที่อยู่ภายในไม่ได้ เพราะทุกคนล้วนมีชีวิต และต้นทุนที่ต่างกัน และขอให้สาวน้อยชิมามิ ได้ทำฝันของเธอให้เป็นจริงในเร็ววัน …กัมบัตเตะ ซาวาดะ ชิมามิ

 

ที่มา : ญี่ปุ่นเบาเบา @JapaneseBaobao

kinyupen