WHO ยอมรับ โควิด-19 แพร่กระจายผ่านอากาศ (Airborne) ได้จริง

0
567
kinyupen

โควิด-19 แพร่กระจายเป็นละอองฝอยได้ แต่สิ่งคาใจพวกมาเราโดยตลอดคือ โควิด-19 สามารถแพร่กระจายผ่านอากาศได้ด้วยหรือไม่? ล่าสุดองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้สรุปออกมาแล้ว กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิตมีสรุปสั้นๆ เกี่ยวกับการแพร่กระจายของเจ้าเชื้อไวรัสโควิด-19 มาให้ ดังนี้

 

WHO เลิกเขิน ในที่สุดก็ยอมใช้คำว่า COVID-19 แพร่กระจายโดย Airborne transmission เสียที ทั้งที่ก่อนหน้านี้พยายามเลี่ยงบาลีมาตลอด

 

ตอนนี้ยอมระบุชัดๆ ตามที่นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกเรียกร้องแล้ว

 

ที่มา : https://www.who.int/news-room/questions-and-answers/item/coronavirus-disease-covid-19-how-is-it-transmitted

 

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ที่ผ่านมา WHO ได้ update ข้อมูลของการแพร่กระจายเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 หรือ COVID-19 ว่าสามารถแพร่กระจายโดย

 

  1. ผ่านการไอจามระยะ Close- contact ไวรัสเกาะติดละอองฝอยกระเด็นเข้าทางเดินหายใจอีกฝ่ายโดยตรง เรียก “Droplet transmission” และผ่านละอองลอย ลอยผ่านอากาศไปในระยะทางใกล้ๆ เรียก “Short-range aerosol or short-range airborne transmission”

 

  1. ไวรัสแพร่ผ่านการล่องลอยในอากาศภายในพื้นที่ปิด ที่มีผู้คนหนาแน่น อากาศไม่ถ่ายเท และใช้เวลาในพื้นที่นั้นอยู่ในระยะเวลานาน ทำให้ไวรัสแพร่กระจายไปได้ระยะทางไกลกว่าข้อแรก เรียก “Long-range aerosol or long-range airborne transmission”

 

  1. ไวรัสแพร่ผ่านการมือที่ไปเผลอสัมผัสพื้นผิวที่ปนเปื้อน แล้วนำมาสัมผัสตา จมูก ปาก เรียก “Fomite transmission”

 

 

สุดท้าย คำแนะนำที่มีประโยชน์มากๆ ในช่วงปาร์ตี้รวมญาติมิตรเพื่อนฝูงสิ้นปีนี้ก็คือ ให้หลีกเลี่ยงสถานที่ 3Cs

 

  1. C แรก “Crowded places” สถานที่ผู้คนหนาแน่น
  2. C ที่สอง “Closed-contact settings” สถานที่ที่ผู้คนต้องอยู่ใกล้ชิดแออัดเว้นระยะห่างไม่ได้
  3. C สุดท้าย “Confined and enclosed spaces” สถานที่ปิดในอาคาร มีการระบายอากาศที่ไม่ดี

 

 

ยิ่งมีครบทั้ง 3 องค์ประกอบยิ่งควรหลีกเลี่ยงสถานที่นั้นๆ และทำร่วมกับมาตรการอื่นๆ เพื่อความปลอดภัยของทุกคน

 

เห็นทีสถานที่ปิดและแออัดอย่างห้องแอร์ รถโดยสารปรับอากาศ หากไม่จำเป็นคงต้องหลีกเลี่ยงไว้ก่อน และอย่าได้วางใจ ต่อให้อยู่ที่ไหน สถานที่เปิดโล่งอย่างไรก็ควรเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือทุกครั้งที่สัมผัสเช่นเคยนะคะ

 

ที่มา : www.who.int

kinyupen