ฟาดกันไม่ยั้ง! จาก Finding Freedom สู่ The Real Story

0
410
kinyupen

 

กลายเป็นประเด็นเผ็ดร้อนของทางฝั่งเมืองผู้ดี หลังจากหนังสือ Finding Freedom ถูกวางจำหน่ายในระยะเวลาไล่เลี่ยกันกับหนัง Harry and Meghan : The Real Story เพราะด้วยชื่อเสียงของ เลดี้ โคลิน แคมป์เบลล์ ผู้เขียนหนังสือ Meghan and Harry: The Real Story ที่เป็นนักเขียนคนสนิทของเลดี้ไดอาน่าสมัยที่ยังมีพระชนม์ชีพ โด่งดังเรื่องในรั้ววังอังกฤษ ด้วยหนังสือที่เขียนถึงเจ้าหญิงไดอาน่ากว่า 2 เล่มที่เรียกได้ว่า เป็นที่กล่าวถึง ทั้ง “Diana in Private: The Princess Nobody Knows” หรือ “The Real Diana” ที่ตีแผ่แง่มุมของไดอาน่าให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง และถึงแม้เจ้าหญิงไดอาน่าจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่เลดี้โคลบี้ก็ยังคงเป็นแขกคนพิเศษของราชสำนักเสมอ

 

Meghan and Harry: The Real Story / ผู้แต่ง เลดี้ โคลิน แคมป์เบลล์ : วางจำหน่าย 14 กรกฎาคม 2563
“Finding Freedom: Harry and Meghan and the Making of a Modern Royal Family” / ผู้แต่ง โอมิด สโคบี้ กับแคโรลีน ดูแรนด์ วางจำหน่าย 11 สิงหาคม 2563

 

ซึ่งครั้งหนึ่งเลดี้โคลบี้ เคยกล่าวในรายการว่า เจ้าชายแฮร์รี่ทรงเปลี่ยนไปมากหลังมีพระชายา โดยให้สัมภาษณ์ผ่านสารคดี “Kate V Meghan : Princesses At War) ผ่านสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ในอังกฤษ เธอได้ยินมาว่า แฮร์รี่ถูกเมแกนควบคุมและชักนำ “แฮร์รี่ถูกชักนำโดยเมแกน เขาหลงใหลในตัวเธออย่างหัวปักหัวปำและเปลี่ยนไปมาก” และเธอยังพูดอีกว่า “คนเรามักเปลี่ยนไปเมื่อแต่งงาน มีครอบครัว”

 

แต่กระนั้นใครจะไปคาดคิดว่าหลังจากนั้นไม่นานเจ้าชายจะทรงประกาศออกจากการเป็นสมาชิกราชวงศ์ชั้นสูงเพื่อออกไปใช้ชีวิตกับ “ครอบครัวใหม่” แบบสามัญชนธรรมดา  เรื่องนี้สร้างความบาดหมางให้กับ “ครอบครัวเก่า” ไม่น้อย เพราะหนังสือ Finding Freedom ที่ออกมาก็มีการกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าชายวิลเลี่ยมและแฮร์รี่ว่าทั้ง 2 ไม่คุยกันมาราว 2 เดือนแล้ว หลังจากที่แฮร์รี่ได้เข้าไปคุยเรื่องค่าใช้จ่ายการซ่อมตำหนักก่อนจะเดินทางไปยังแคนาดา ทั้งนี้ต้นตอของความไม่พอใจนั้นก็ได้มีการเอ่ยถึงอยู่ในหนังสือ Finding Freedom อยู่บ้างว่า กล่าวหาว่า เคท ไม่ใส่ใจในช่วง “dark days” หรือช่วงที่ต้องระมัดระวังภาวะเสี่ยงที่จะแท้งเป็นพิเศษ ระหว่างการตั้งท้องอาร์ชี่ เพราะเคทนั้นมีพระโอรสและพระราชธิดามาแล้ว 3 พระองค์ อีกทั้งยังเคยแพ้ท้องอย่างหนัก จนต้องพักงานและเข้าโรงพยาบาลเลยทีเดียว  ส่วนประเด็นต่อมาก็คือเรื่องที่ว่าเจ้าชายวิลเลียมเองก็ไม่พอพระทัยที่ทั้งคู่ทำลายชื่อเสียงของราชวงศ์ด้วยการโพสต์แผน “Megxit” ประกาศลดสถานะจากสมาชิกราชวงศ์อาวุโสของอังกฤษผ่านอินสตาแกรม @sussexroyal โดยไม่ได้มีการแจ้งกับราชสำนักก่อน

 

ขณะเดียวกันเจ้าชายวิลเลี่ยมและเจ้าหญิงเคทก็ไม่ได้มีทีท่าที่จะสนับสนุนแฮร์รี่และเมแกนในการต่อสู้ทางกฎหมายกับสำนักพิมพ์ The Mail on Sunday กรณีที่เปิดเผยจดหมายของเมแกนที่เขียนไปต่อว่าพ่อของเธอเอง แต่เรื่องนี้จะจริงหรือไม่? อย่างไรก็ตามผู้เขียนหนังสือFinding Freedom : Harry and Meghan and the Making of a Modern Royal Familyกล่าวว่า หนังสือเล่มนี้มาจากการสัมภาษณ์คนสนิทของเมแกนกว่า 100 คน ไม่มีการสัมภาษณ์ส่วนตัวจากเมแกนแต่อย่างใด แต่ก็แอบมีคนวงในบอกว่าเมแกนได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วก่อนที่จะตีพิมพ์ และพอใจมากเพราะเธอต้องการให้ประชาชนได้ฟังความจากฝั่งของเธอบ้างนั่นเอง

 

ขณะเดียวกันเลดี้โคลบี้ก็ไม่ทำให้ชาวโลกผิดหวัง เพราะก่อนหน้านี้ในช่วงเดือน มิถุนายนที่ผ่านมา เจ้าตัวเคยออกมาพูดว่า การกลับอเมริกาครั้งนี้ของเมแกน เธอหวังที่จะลงสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐ!!!

 

และก็ดูจะเป็นจริงตามคาด เพราะล่าสุดเมื่อ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา เอเอฟพี รายงานว่า ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ หรือ เมแกน มาร์เคิล พระชายาเจ้าชายแฮร์รี่แห่งอังกฤษ ได้ร่วมวงสนทนาเสมือนจริง “voter registration couch party หรือ ปาร์ตี้โซฟาลงทะเบียนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง” จัดโดยกลุ่มเวน วี ออล โวต ( When We All Vote ) ที่มีคนดังร่วมก่อตั้ง อาทิ มิเชล โอบามา อดีตสตรีหมายเลข 1 แห่ง สหรัฐอเมริกา,ทอม แฮงค์ พระเอกฮอลลี่วู๊ดรุ่นใหญ่ เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมในการสำรวจความ  เพื่อเรียกร้องอยากเห็น “ความเปลี่ยนแปลง”เกิดขึ้นในการเลือกตั้งทั่วไปของ สหรัฐอเมริกาที่จะมีขึ้นวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้

 

“เราทุกคนต่างรู้กันดีว่า อะไรคือเดิมพันของการเลือกตั้งปีนี้ ฉันรู้ และฉันคิดว่าคุณทุกคนก็รู้ดี คุณทุกคนคือ ตัวขับเคลื่อน และพลังที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงที่พวกเราทุกคนต้องการและสมควรได้รับ เราไปลงคะแนนเลือกตั้งเพื่อให้เกียรติแก่ผู้ที่มาก่อนเรา และเพื่อปกป้องคนรุ่นหลังพวกเรา เพราะนี่คือความหมายของการอยู่ ร่วมกันเป็นชุมชน และความหมายของการเลือกตั้ง ” ดัชเชสเมแกน กล่าว

 

 

ก็คงจะเป็นตามที่เลดี้โคลบี้ เคยกล่าวทิ้งท้ายในรายการ  “Access All Areas” ของ “FUBAR Radio” ระหว่างออกโปรโมทหนังสือของเธอว่า “ถ้าเจ้าชายแฮร์รี่แต่งงานกับคนอื่น ดยุกกับดัชเชสแห่งซัสเซ็กซ์ก็จะยังอยู่ดีมีสุขที่วังเคนซิงตันนี่แหละ ที่ย้ายก็เพราะเมแกนล้วนๆ เธอมันเสพย์ติดชื่อเสียง ถ้าไดอานายังอยู่ คงจะสะพรึงไม่น้อย ที่ลูกชายกับลูกสะใภ้พากันเก็บข้าวของออกจากวังไปน่ะ

 

งานนี้ก็รอลุ้นกันว่าจะมีหนังสือเล่มใดอีกที่ออกมาสู้กับหนังสือทั้ง 2 เล่มนี้ได้ และเรื่องราวของแฮร์รี่และเมแกนจากเสียงคนในรั้วพระราชวังบักกิ้งแฮมจะถูกตีแผ่ได้แซ่บแค่ไหนก็คงต้องรอชมกันต่อไป หรือหากใครอยากชิมน้ำจิ้มปูเสื่อรอชมข้างสนามก็สนามรับฟัง Podcast : He Knows She Knows ตอน Finding to freedom รอไปพลางๆก่อนก็ได้ไม่ว่ากัน

 

kinyupen