ทองลง เอายังไงดี? โอกาสซื้อมาแล้วจริงหรือ?

0
581
kinyupen

เป็นเรื่องคิดไม่ตกสำหรับสาวกทองคำว่า ราคาทองร่วงลงจากบาทละ 30,000 จนแตะ 24,000 แล้วนี่คือโอกาสแล้วหรือยัง ที่จะซื้อตอนนี้!? กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิตมีคำแนะนำจากร้านทองมาฝาก ซึ่งในที่นี้จะพูดถึงราคาทองคำแท่งเป็นหลัก

 

ย้อนกลับไปสิ้นปี 2562 ซึ่งโควิด-19 ยังไม่เกิดขึ้น ราคารับซื้อทองคำยังอยู่ที่ 21,103.85 บาท ต่อมาในต้นปี 2563 เมื่อโควิด-19 เริ่มแพร่ระบาด ราคาทองคำก็พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนแตะ 30,000 บาทในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา (ข้อมูลจาก Gold Traders Association : สมาคมค้าทองคำ) ใครได้ขายราคานี้คงยิ้มแก้มปริเลยทีเดียว

 

ราคาทองคำถัวเฉลี่ยปี 2563

 

แต่แล้วเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว ทองก็ปรับตัวลงมาเรื่อยๆ จน 24,000 บาท ชี้ชัดได้ว่าปัจจัยหนึ่งของราคาทองคือ หากเศรษฐกิจแย่คนจะแห่ขายหุ้นมาถือทองแทน ซึ่งก็สมเหตุสมผลถ้าเศรษฐกิจดี เงินสะพัด คนจะเทขายทองแล้วกลับไปซื้อหุ้นตามวาระ

อย่างก่อนหน้านี้ที่ Bond Yield (อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล) มีราคาสูงขึ้น ก็ทำเอาสินทรัพย์อื่นราคาร่วงไปตามๆ กัน พูดง่ายๆ หากอะไรได้รับผลตอบแทนดีกว่าทอง นักลงทุนจะทนถือทองไปทำไม คว้ากำไรจากที่อื่นไม่ดีกว่าหรือ จริงไหม?

 

ทองลงแล้ว เอายังไงดี

  • สำหรับผู้ที่ซื้อทองเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น (ซื้อ-ขายใน 1 สัปดาห์) แนะนำให้ซื้อขายในช่วงราคา 1,700-1,750 USD
    เช่น ซื้อ 1,700 USD ขาย 1,730 USD
  • สำหรับผู้ที่ที่เลือกเก็บทองระยะยาว ถ้าให้ปลอดภัยที่สุดให้ซื้อทองที่ราคา 1,680 USD (22,500 บาท) กำลังดี

 

อย่างไรก็ตามในระยะยาว ยังไงราคาทองขึ้นแน่นอน เพราะด้วยมาตรการอัดฉีดเงินกันอย่างพร้อมเพรียงของหลายๆ ประเทศ โดยเฉพาะการปั๊มเงินเข้าระบบ หรือ QE (Quantitative Easing) ของสหรัฐอเมริกา เป็นตัวกระตุ้นชั้นดีที่ทำให้ “เงินเฟ้อ” มาเยือน

 

หากเศรษฐกิจดี มีสภาพคล่องสูง ทำให้ราคาทองลง แล้วทำไมการปั๊มเงินกระตุ้นเศรษฐกิจถึงทำให้ราคาทองถึงขึ้นได้ล่ะ??

การปั๊มเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ออกมาแบบนี้ แปลว่า ปริมาณเงินดอลลาร์ในระบบกำลังจะเยอะขึ้น ความมีค่าของดอลลาร์จึงลดลง จะทำให้ค่าเงิน USD อ่อนค่าในระยะยาว เมื่อคนไม่เห็นค่าของเงินอีกต่อไป นักลงทุนต่างเอาเงินไปหลบไว้ในตลาดหุ้น หรือทองคำกันหมด เพราะทองมีอยู่จำกัด ไม่สามารถผลิตเองตามใจชอบ จึงเป็นเหตุทองถูกนิยามว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย

จึงเป็นที่มาของ ถ้าดอลลาร์อ่อน ทองจะขึ้น ถ้าดอลลาร์แข็ง ทองจะลง

 

กรณีตัวอย่าง

    • ในปี พ.ศ. 2554 ราคาทองเคยพุ่งสูงถึง 26,700 บาท! หรือ 1,900 USD หลังวิกฤตเศรษฐกิจที่สหรัฐฯ ในปี 2552 (ค.ศ.2009) ที่มีการปั๊มเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ เหมือนกัน (จากนั้นปีถัดๆ มาก็กลับไปที่ราคา 2 หมื่นเหมือนเดิม..)
Gold Spot 20 ปีที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าปี 2011 ราคาทองเคยพุ่งไปไกลมาก

 

    • ย้อนกลับไปไกลกว่านั้น เมื่อโลกเกิดความปั่นป่วน หรือบ้านเมืองอยู่ในยุคสงคราม เงินจะไม่มีค่าอะไรเลย เป็นเพียงเศษกระดาษที่เอาไว้เผาไฟให้ความอบอุ่น แต่ทองคำจะมีค่ามหาศาล

 

การลงทุนไม่มีอะไรแน่นอน ทำได้เพียงคาดการณ์เท่านั้น หากตีตามความเสี่ยง ทองคำมีความเสี่ยงสูงสุดคือระดับ 8 (ใช้ความเข้าใจค่อนข้างเยอะและเฉพาะทาง) ฉะนั้นหากเลือกซื้อทองคำควรรู้ Story ของปัจจัยรอบตัวให้มาก เน้นข่าวเรื่องค่าเงินให้มาก เพราะทองคำไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่มือใหม่คิด แต่เป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงเมื่อเทียบกับสมัยรุ่นพ่อรุ่นแม่

 

เตรียมเงินให้มาก หาความรู้ให้เยอะ ใช้เงินเย็นในการลงทุน และมองหาโอกาสอยู่เสมอ แล้วความมั่งคั่งจะอยู่ในมือคุณ ด้วยความปรารถนาดีจาก กินอยู่เป็น

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

 

kinyupen